แผงเช่าพระเครื่องเล็กๆ ย่านท่าพระจันทร์ มีนักสะสมขาประจำและขาจรแวะเวียนมาตามหาเหรียญกษาปณ์และเหรียญที่ระลึกในหลวงรัชกาลที่ 9 อย่างไม่ขาดสาย หลายคนยอมรับว่าไม่มีรุ่นไหนแบบไหนเป็นพิเศษ ขอเพียงแค่ได้เก็บไว้แทนใจบอกถึงความนิยมต่อเหรียญสะสมรัชกาลที่ 9 ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
หลายร้านในย่านท่าพระจันทร์ จากที่เคยเปิดให้เช่าพระเครื่องตอนนี้ก็ต้องปรับตัวกันยกใหญ่ ด้วยการนำเหรียญที่ระลึกมาวางจำหน่ายแทน ขณะที่ลูกค้าที่ผ่านไปมาในย่านนี้บอกว่านับวันยิ่งต้องรีบเพราะราคามีแต่จะสูงขึ้น แต่สำหรับนักสะสมเหรียญกษาปณ์ตัวจริง หลายคนมองข้ามเรื่องของมูลค่า เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าคือเรื่องของคุณค่า ไม่ว่าจะเป็นในทางประวัติศาสตร์ หรือคุณค่าทางใจ
ยิ่งได้รู้ที่มาที่ไปของการผลิตเหรียญแต่ละชุด ยิ่งทำให้การเก็บสะสมมีความหมาย อย่าง "ชุดเหรียญในหลวงเสด็จประพาสยุโรป ปี 2503" แสดงถึงพระราชกรณียกิจด้านการเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างชาติ และเป็นอีกครั้งที่มีการผลิตเหรียญพระมหากษัตริย์ไทยเสด็จประพาสต่างแดน ต่อจากเหรียญรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสยุโรป รัตนโกสินทร์ศก 116 รูปภาพและตัวอักษรบนหน้าเหรียญเป็นสิ่งที่ "อรรณพ แก้วปทุมทิพย์" นักสะสมเหรียญเก่า มองว่าเป็นคุณค่าที่แท้จริง เพราะเป็นประวัติศาสตร์ที่ส่งต่อสู่คนรุ่นหลัง
นอกจากข้อมูลทางประวัติศาสตร์ เหรียญที่ระลึกต่างๆ ยังเปรียบเครื่องเตือนใจ อย่างเหรียญพระมหาชนก ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผลิตขึ้น ซึ่งนักสะสมวัย 61 ปี ได้น้อมนำแนวทางพระราชดำริเรื่องความเพียรพยายามเป็นที่ตั้งตามอย่างใจความสำคัญในหนังสือพระราชนิพนธ์ "พระมหาชนก" เหรียญทุกเหรียญล้วนมีคุณค่าในตัวเอง เพราะสำหรับนักสะสมแม้แต่เหรียญหนึ่งบาทในกระเป๋าก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของบันทึกประวัติศาสตร์ และมีคุณค่าทางใจ
กว่า 30 ปีที่เห็นคุณค่าของเหรียญเก่าหลากหลายประเภท รวมถึงเหรียญกษาปณ์และเหรียญสะสมในหลวงรัชกาลที่ 9 ทั้งหมดนี้จึงไม่ใช่เพียงสิ่งสะสม แต่ยังเป็นเครื่องระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ในฐานะประชาชนไทยคนหนึ่งยังหวังใช้เหรียญสะสมเป็นตัวแทนถ่ายทอดประวัติศาสตร์ ความรู้ และความทรงจำต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ให้สืบต่อไปนานเท่านาน