ก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังของสหรัฐฯได้ออกมาเตือนว่าถ้าภายในวันที่ 2 สิงหาคม ซึ่งเส้นตายคือเวลาเที่ยงคืน ฝ่ายนิติบัญญัติ คือ สภาคองเกรสยังไม่ผ่านร่างกฎหมายขยายเพดานการก่อหนี้ของรัฐบาลขึ้นไปจาก 14.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯตามที่นายโอบาม่าเสนอขอไป เงินคงคลังที่เหลืออยู่ก็จะไม่พอที่รัฐบาลจะนำไปชำระหนี้ที่ถึงกำหนดได้ทั้งหมด ซึ่งจะส่งผลให้สหรัฐฯต้องกลายเป็นชาติผิดนัดชำระหนี้ ผลเสียของการผิดนัดชำระหนี้ที่เห็นได้ทันตาก็คือเบี้ยปรับจำนวนมหาศาล ซึ่งย่อมจะไปกระทบต่อความพยายามฟื้นเศรษฐกิจที่เคยย่ำแย่ของสหรัฐฯ นอกจากนั้นก็จะทำให้ระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯขาดความน่าเชื่อถือ และนักลงทุนทั่วโลกก็จะหันเหไปลงทุนที่อื่นแทน
สำหรับกฎหมายฉบับนี้มีผลให้รัฐบาลสหรัฐฯในฐานะฝ่ายบริหารสามารถกู้ยืมเงินได้เพิ่มขึ้นอีก 2.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มจากเพดานเดิมที่มีกฏหมายกำหนดไว้ 14.3 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกันงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลก็จะถูกตัดลดลงไปอย่างน้อย 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งทั้ง 2 กรณีนี้จะมีผลเป็นเวลา 10 ปีแม้ว่าจะไม่ตกที่นั่งเป็นชาติผิดนัดชำระหนี้แล้ว แต่ขณะนี้ก็ยังไม่แน่ชัดว่าสถาบันจัดอันดับต่างๆ จะลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ จากทริปเปิ้ลเอ ลงไปหรือไม่
อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีโอบาม่าได้กล่าวในช่วงที่วุฒิสภาผ่านความเห็นชอบออกมาว่าถือเป็นความสำเร็จก้าวแรกที่กฎหมายฉบับนี้จะทำให้สหรัฐฯไม่ต้องผิดนัดชำระหนี้เท่านั้น แต่ทว่าการลดการขาดดุลงบประมาณของชาติไม่ได้อยู่แค่ที่การตัดลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลเท่านั้น โดยนายโอบาม่าแนะให้ฝ่ายนิติบัญญัติไปหาทางส่งเสริมเศรษฐกิจของสหรัฐฯด้วยการสร้างงานขึ้นมาใหม่ และเพิ่มความมั่นใจของผู้บริโภค