ผู้ว่าฯเชียงใหม่ ห่วงภาพลักษณ์ สั่งแจ้งความ ภาพสวมหน้ากากอนุสาวรีย์ฯ สะท้อนหมอกควันคลุมเมือง

สิ่งแวดล้อม
1 เม.ย. 61
12:34
1,620
Logo Thai PBS
ผู้ว่าฯเชียงใหม่ ห่วงภาพลักษณ์ สั่งแจ้งความ ภาพสวมหน้ากากอนุสาวรีย์ฯ สะท้อนหมอกควันคลุมเมือง
หมอนักอนุรักษ์โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุภาพสวมหน้ากากสามกษัตริย์ ที่เชียงใหม่ คนเขียนไม่ได้ต้องการลบหลู่ เพียงจะสะท้อนปัญหาหมอกควันที่คลุมเต็มเมือง แต่ ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ กลับห่วงภาพลักษณ์

วันนี้ (1 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์ รายงานว่า เฟซบุ๊กของ นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ อาจารย์คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ระบุว่า ว่าจะอดทนยอมรับสภาพ ไม่โวยวายเรื่องนี้อีกแล้ว เพราะเห็นว่าที่ผ่านมาโวยวายไป ตนก็ไม่อาจช่วยหาทางออกที่มีประสิทธิภาพได้ ด้วยปัญหาเรื่องมลพิษทางอากาศนี้มีหลากหลายมิติจนมิอาจแก้ไขได้โดยง่ายเหมือนใจหวัง

การศึกษาที่ผ่านมา ชี้ชัดว่า มลพิษทางอากาศมีผลร้ายต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาวทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจ เพิ่มอัตราเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็งปอด มีผลกระทบต่อพัฒนาการในเด็ก หรือแม้แต่ มีผลให้ทารกคลอดก่อนกำหนด

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือแม้ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเหล่านี้
มีหลายปัจจัย โดยบางปัจจัยนั้นสามารถหลีกเลี่ยงได้
แต่สำหรับ ผลกระทบที่เกิดจากมลพิษทางอากาศแล้ว ไม่มีใครที่หลีกเลี่ยงได้เพราะทุกคนต้องหายใจ ผลกระทบในระดับประชากรจึงรุนแรงนัก

แม้ผมยังไม่สามารถเสนอทางแก้ไขที่เป็นรูปธรรมได้ในขณะนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นมาตลอดว่าเป็นอุปสรรคใหญ่ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงคือ ความเข้าใจและตระหนักในระดับของความรุนแรงของปัญหาของประชาชนส่วนใหญ่ยังมีน้อย รวมถึงทัศนคติของหน่วยงานรัฐ ที่มีต่อปัญหาหมอกควันพิษ (apathy)

ผมเชื่อว่าประชาชนอีกมากที่ยังไม่เข้าใจลึกซึ้งถึงภยันตรายทั้งระยะสั้นและระยะยาวของมลพิษทางอากาศ มากพอจนให้เกิดแรงผลักดันเปลี่ยนแปลงทางสังคม

สิ่งที่ประชาชนผู้รับชะตากรรม ไม่สบายใจคือ
1.ประชาชนไม่อาจมีความ เชื่อมั่น ข้อมูลจากหน่วยงานของรัฐที่รายงานสถานการณ์มลพิษทางอากาศจนต้องลุกขึ้นพึ่งพาตนเองสร้างเครือข่ายติดตามสภาวะสภาพอากาศด้วยตัวเอง

2.ผู้ที่เจตนาดี เสียสละลุกขึ้นช่วยรณรงค์สร้างความตระหนักให้ประชาชน ก็ถูกภาครัฐ มองเป็นศัตรู ให้งดกิจกรรมรณรงค์ไม่พอ ยังทำเรื่องกล่าวโทษฟ้องร้องว่าทำเสื่อมเสียภาพลักษณ์

3.จริงอยู่ว่า หลายคนอาจรู้สึกว่าการเผยแพร่ภาพ บรรพกษัตริย์ (แห่งอนุสาวรีย์สามกษัตริย์) สวมหน้ากากพิษเป็นเรื่องไม่เหมาะสม ตามธรรมเนียม (แม้เป็นเรื่องปกติในสากล)
แต่หากมองเจตนา ของผู้เผยแพร่ นั้นที่สุดไม่ใช่การลบหลู่ แต่ต้องการสร้างความตระหนักให้กับสังคม เพื่อหวังให้เกิดการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ในทุกภาคส่วน

4.ผู้บริหารภาครัฐ โดยเฉพาะทางจังหวัด เป็นห่วงแต่ภาพพจน์ของตนเอง มากกว่า สุขภาพประชาชน

ประชาชนรู้สึกว่า เจ้าหน้าที่รัฐทำตัว เหมือนมีอำนาจล้นฟ้า ไม่ฟังเสียงประชาชน เอะอะก็บอกจะฟ้องร้อง มองประชาชนเป็นศัตรู

5.หลายคนเกรงว่าหากสร้างความตระหนัก จะเกิดความตระหนก ส่งผลลบในด้านผลต่อบรรยากาศการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ

ผมกลับมองว่า ในฐานะเจ้าบ้านผู้มีความรับชอบ
เราควรแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนถึงสถานการณ์ความรุนแรงของสภาวะมลพิษทางอากาศอย่างตรงไปตรงมา
อยากให้เขาเห็นว่าเราคำนึงถึงความปลอดภัยสุขภาพของเขามากกว่าเงินในกระเป๋าของเขา

ผมเชื่อว่า โดยวิธีคิดแบบนี้แม้เราอาจสูญเสียรายได้ไปบ้างในระยะสั้น แต่ชื่อเสียงของเราในการเป็นเจ้าบ้านที่รับผิดชอบจะสร้างความเชื่อมั่น ความรู้สึกที่ดี ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์และเศรษฐกิจท้องถิ่นของเราในระยะยาว

6. ผมขอชื่นชม ผู้บริหารคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่จะแจกหน้ากากให้กับบุคลากรทุกคน ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ เป็นตัวอย่างหน่วยงานทางสุขภาพ ที่ชี้นำสังคม ในทางที่ถูกต้อง อยากให้หน่วยงานราชการอื่นทำบ้าง

แม้แทบจะสิ้นหวัง
แต่ผมยังเชื่อว่า สังคมที่เจริญแล้ว คือสังคมที่ยอมรับความจริง ไม่หลีกเลี่ยงปัญหา ระดมสติปัญญาในการค้นหาต้นตอแท้จริง และวางแผนแก้ไขในระยะยาวอย่างเป็นระบบ โดยใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์และขบวนทางสังคมที่มีส่วนร่วมจากทุกๆคน

ด้วยความรักและหวังดีจริงๆครับ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง