ก.ต่างประเทศหารือยูเนสโก หลัง "กัมพูชา" ขอขึ้นทะเบียนรำไทย-หนังใหญ่

ภูมิภาค
15 ส.ค. 54
02:49
77
Logo Thai PBS
ก.ต่างประเทศหารือยูเนสโก หลัง "กัมพูชา" ขอขึ้นทะเบียนรำไทย-หนังใหญ่

แม้ว่ากัมพูชาจะส่งสัญญาถึงความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับรัฐบาลชุดใหม่ แต่มีรายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศอ้างถึงคำให้สัมภาษณ์ของ นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ระบุว่าจะไม่มีการอภัยโทษให้กับนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ยืนยันว่า จะช่วยเหลือผู้ถูกคุมขังทั้ง 2 คนอย่างเต็มที่ ส่วนในวันนี้ (15 ส.ค.) กระทรวงการต่างประเทศจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงการที่กัมพูชาจะขึ้นทะเบียนท่ารำไทย และ หนังใหญ่กับยูเนสโก

นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในวันนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ของกรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศจะเป็นตัวแทนเข้าร่วมประชุมกับกระทรวงวัฒนธรรม และ ยูเนสโก รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้เพื่อป้องกันปัญหาซ้ำซ้อนของท่ารำไทย และ หนังใหญ่ หลังจากกัมพูชาได้ขอขึ้นทะเบียนท่ารำไทย และ หนังใหญ่ไทยต่อยูเนสโก

เบื้องต้นกัมพูชาได้เสนอให้มีการขึ้นทะเบียนวรรณคดีไทย พยัญชนะ และ คำราชาศัพท์ รวมไปถึงรำไทย ซึ่งคาดว่า ไม่น่าจะทำให้ไทยเสียสิทธิในการขึ้นทะเบียนในอนาคต เนื่องจากการขึ้นทะเบียนครั้งนี้ระบุว่า เป็นรอยัลบัลเล่ต์ ซึ่งเป็นการรำของกัมพูชาที่แม้จะคล้ายคลึงกันแต่มีความต่างกัน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้หารือกันในรายละเอียดในวันนี้ ก่อนจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อให้มีการเห็นชอบต่อไป

ส่วนกรณีการช่วยเหลือนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ 2 คนไทยที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเปรยซอของกัมพูชานายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ยังไม่ทราบความชัดเจนในเรื่องนี้ แต่ทางรัฐบาลยืนยันที่จะดำเนินการช่วยเหลือทั้งสองคนอย่างเต็มที่ โดยขณะนี้ทราบว่าปลัดกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ติดตามเรื่องอยู่ ส่วนแนวทางการช่วยเหลือที่ชัดเจนขอให้ได้เข้าทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศก่อน จะหารือในแนวทางในการดำเนินการต่อไป

ขณะที่สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า สื่อในกัมพูชาระบุถึงคำให้สัมภาษณ์ของ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ยืนยันว่าจะไม่มีการอภัยโทษให้กับผู้ถูกคุมขังชาวไทยทั้ง 2 คน โดยจะให้อภัยโทษต่อเมื่อได้รับโทษ 2 ใน 3 ของคำพิพากษา หรือประมาณ 4-5 ปี ซึ่งขณะนี้คดียังอยู่ในชั้นของศาลอุทธรณ์

ส่วนกรณีที่ไทยได้จับกุมสายลับ 3 คน ที่เป็นชาวกัมพูชา เวียดนาม และชาวไทย ซึ่งถูกตั้งข้อหาจารกรรมข้อมูลที่ตั้งทางทหาร เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดศรีสะเกษได้เปิดทำการไต่สวนเป็นครั้งที่ 2 โดยมีรายงานว่า วันนี้ (15 ส.ค.) นายเนต เซรี กงสุลใหญ่กัมพูชาประจำประเทศไทย จะหารือกับทนายความของชาวกัมพูชาที่ถูกจับกุมเพื่อร้องขอต่อศาลให้ปล่อยตัวชั่วคราว 1 ใน 3 สายลับชาวกัมพูชาที่ถูกจับกุมในคดีดังกล่าว
 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง