"โน้ต วัชรบูล" ขอร่วมผลักดัน "นกชนหิน" เป็นสัตว์สงวน หวั่นถูกล่าหนักซ้ำรอยอินโดฯ

Logo Thai PBS
"โน้ต วัชรบูล" ขอร่วมผลักดัน "นกชนหิน" เป็นสัตว์สงวน หวั่นถูกล่าหนักซ้ำรอยอินโดฯ
"โน้ต" วัชรบูล นักแสดงชื่อดัง ขอคนไทยร่วมอนุรักษ์และผลักดันให้ "นกชนหิน" เป็นสัตว์สงวน หลังพบข้อมูลนายพรานต่างถิ่นเข้าพื้นที่ป่าดงดิบภาคใต้ หวั่นนกถูกล่าอย่างหนักจนเสี่ยงสูญพันธุ์ซ้ำรอยอินโดนีเซีย

วันนี้ (1 ต.ค.2562) นายวัชรบูล ลี้สุวรรณ (โน้ต) นักแสดงและกรรมการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Watcharabul Leesuwan โดยแสดงความเป็นห่วงนกชนหิน เนื่องจากพบข้อมูลว่าขณะนี้มีนายพรานนอกพื้นที่เข้ามาเพื่อล่านกในพื้นที่ พร้อมขอความร่วมมือประชาชนร่วมกันอนุรักษ์และผลักดันให้เป็นสัตว์สงวนลำดับที่ 20 ของประเทสไทย โดยมีเนื้อหาดังนี้

อาทิตย์ที่ผ่านมา ข่าวหนึ่งที่ทำให้เกิดความตื่นตระหนกกับนักอนุรักษ์และเจ้าหน้าที่ คือรายงานที่เริ่มจะหนาหูจากภาคสนามที่อุทยานแห่งชาติบูโดสุไหงปาดี จ.นราธิวาส เรื่องการลักลอบล่า #นกชนหิน มีพรานแปลกหน้าเริ่มเข้ามาในพื้นที่ โพรงรังที่ทางนักวิจัยทำไว้ให้เริ่มว่างเปล่า นกไม่ได้เข้ามาใช้จนเริ่มผิดสังเกต การการค้าซากสัตว์ป่าออนไลน์พบเห็นหัวนกชนหินในตลาดมืดได้ถี่มากขึ้น จริง ๆ เรื่องนี้ ไม่ได้เกินคาดเดาอะไร ผมแค่ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้

เมื่อประมาณ 2 - 3 ปีมาแล้ว นักวิจัยนกเงือกชาวอินโดนีเซียมาเสนอรายงานภาคสนามถึงการจับซากนกชนหินกว่า 6,000 หัว ใน 1 ปีที่รัฐกาลิมันตัน บนเกาะบอร์เนียวในงานสัมมนาวิชาการสัตว์ป่าจัดโดยคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เขาเล่าว่าท้องฟ้าเหนือผืนป่าที่อินโดนีเซียแทบไม่มีเสียงนกชนหินอีกแล้ว มันถูกล่าอย่างบ้าคลั่งเพราะอวัยวะที่ไม่เหมือนใครของมันคือ โหนกที่หัวกระโหลกของมัน ที่เป็นแท่งตัน ๆ ไม่ต่างจากงาช้างแต่เป็นสีแดง จนได้รับการขนานนามว่า #งาสีเลือด งาที่ทำให้พวกมันต้องหลั่งเลือดไปจนแทบหมดไปจากผืนป่า ความบ้าคลั่งคือ 500 ตัวต่อเดือน 6,000 ตัวต่อปี จน IUCN องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติต้องยกสถานะของนกชนหินจาก ใกล้ถูกคุกคาม near threaten เป็นใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง critical endangered ไม่มีสัตว์ตัวไหนเคยได้รับเกียรติที่หน้าอัปยศแบบนี้มาก่อน และ CITES อนุสัญญาว่าด้วยการค้าสัตว์ป่าพืชป่าก็สั่งห้ามการค้านกชนิดนี้โดยเด็ดขาด

วันนี้ภัยคุกคามนี้ได้เกิดขึ้นจริง ๆ ในป่าดงดิบใต้สุดของประเทศเรา แต่ทำไมเราถึงต้องช่วยพวกมัน เพราะว่า #นกชนหินเป็นนกเงือกที่หายากมากชนิดหนึ่งจาก 13 ชนิด ที่พบในประเทศไทย #นกชนหินคือความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ผลสำเร็จของการวิวัฒนาการมากว่า 45 ล้านปี (อาจจะเป็นนกเงือกสายพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุด) ลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ตอบสนองต่อการใช้งานเฉพาะสายพันธุ์คือโหนก (casque)ตันเอาไว้เป็นอาวุธยามฤดูผสมพันธุ์ แลกมาด้วยน้ำหนักที่มากขึ้น ความร้อนกล้ามเนื้อที่มากขึ้น ขนจึงน้อยลงบริเวณหัว น้ำหนักถ่วงหน้าบาลานซ์เสีย ขนหางต้องยาวพิเศษถ่วงน้ำหนักรับกัน ช่างมหัศจรรย์ #นกชนหินได้ชื่อมาจากเสียงเหมือนหินกระทบกันเสียงดังตอนมันบินชนกันกลางอากาศ #นกชนหินกินลูกไทรเป็นหลัก ตลอดอายุขัย 30 ปี จึงช่วยปลูกต้นไทรในป่าไปกว่า 500,000 ต้น ต้นไม้ที่มีผลใหญ่ต้องนกขนาดใหญ่อย่างนกเงือกช่วยกระจายเมล็ด #นกชนหินจึงต้องการโพรงรังที่มีปุ่มปมไม้อยู่ด้านบนรู เพื่อรับน้ำหนักของโหนก ไม่สามารถใช้กรงเล็บเกาะอย่างนกเงือกชนิดอื่น ต้นไม้ที่เหมาะคือพวกไม้ในตระกูลยาง ซึ่งปัจจุบันก็โดนคนตัดไปทำที่อยู่อาศัยด้วยเช่นกัน

#ผัวเดียวเมียเดียวช่วยกันเลี้ยงลูกอยู่ด้วยกันนานที่สุดถึง 5 เดือน หมายความว่าถ้าตัว 1 ตายอีก 2 ชีวิตก็ตายไปด้วยเช่นกัน ถึงแม้เจ้าหน้าที่อาจช่วยลูกนกได้แต่ก็ปล่อยกลับเข้าป่าไม่ได้ เพราะลูกนกไม่สามารถปรับตัวดำรงชีวิตในป่าได้ นกตัวนั้นก็หมดหน้าที่ต่อระบบนิเวศน์ในที่สุด #นกชนหินในประเทศไทยถูกล่า เพราะนำเอาโหนกมาแกะสลักเป็นพระเครื่องวัตถุมงคล แต่วัตถุเหล่านี้จะเป็นมงคลอย่างไรถ้าแลกมาด้วยชีวิตของนก อัปมงคลมากกว่า คำถามสำคัญคือเราจะหยุดเหตุการณ์ที่เลวร้ายนี้ได้อย่างไรดี #รู้จักพวกมันให้มากขึ้น ช่วยกันแชร์เรื่องราวพวกมัน #เฝ้าระวังเครือข่ายการค้าสัตว์ป่าช่องทางออนไลน์ พบเห็นแจ้งไปที่สายด่วนกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช 1362

#ร่วมรณรงค์ให้นกชนหินเป็น #สัตว์ป่าสงวน ลำดับที่ 20 ของประเทศไทย

http://change.org/SaveHornbill เราทุกคนช่วยพวกมันได้ครับ

#SaveHelmetedHornbill

#SaveHornbillภาพถ่ายโดย น้องช่างภาพสัตว์ป่านำมาช่วยประชาสัมพันธ์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง