วันนี้ (23 ต.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีข้อสงสัยเกี่ยวกับรถยนต์มาเซราติ ของ น.ส.ปณิตา ธรรมวัฒนะ หรือ หนิง ว่า น.ส.ปณิตา แจ้งว่าในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ (24 ต.ค.) จะนำรถยนต์มาเซราติเข้าไปที่กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ถนนวิภาวดีรังสิต ให้ตำรวจได้ตรวจสอบตัวรถ เพื่อคลี่คลายข้อสงสัยที่มาของรถ จากนั้นจะเข้าไปที่ สน.วิภาวดี เพื่อพบกับ ส.ต.ท.ธีรพงษ์ ขาบจันทึก ผบ.หมู่ งานศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดีรังสิต กก.2 บก.จร. ซึ่งเป็นนายตำรวจผู้ปฏิบัติงานในวันเกิดเหตุ
เมื่อวานนี้ (22 ต.ค.) น.ส.ปณิตา ได้ยืนยันผ่านรายการโทรทัศน์แห่งหนึ่ง ว่า ยอมรับผิดที่นำทะเบียนรถคันอื่นมาสวมใช้กับมาเซราติ พร้อมยืนยันว่ารถยนต์มาเซราติซื้อมาถูกต้องตามกฎหมายและซื้อต่อมาจากคนรู้จัก มีทะเบียนถูกต้อง แต่อยู่ระหว่างขอป้ายใหม่ อีกทั้งสามีได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.วิภาวดี เพื่อแสดงหลักฐานเล่มทะเบียนรถยนต์มาเซราติไปแล้ว
น.ส.ปณิตา ยังได้กล่าวขอโทษ ส.ต.ท.ธีรพงษ์ ต่อกรณีที่โพสต์ข้อความในเนื้อหาที่อาจทำให้ไม่สบายใจและอาจทำให้ผู้คนเข้าใจเจตนาของเจ้าหน้าที่ผิดไป โดยยืนยันว่าวันเกิดเหตุ ส.ต.ท.ธีรพงษ์ ไม่ได้เรียกรับเงินจากตัวเอง
สำหรับข้อมูลเบื้องต้นของรถยนต์มาเซราติคันดังกล่าว เมื่อวานนี้กรมการขนส่งทางบกมีคำชี้แจงไว้ว่า รถยนต์คันนี้นำเข้าไทยในลักษณะรถใหม่ นำเข้าทั้งคัน ผ่านด่านศุลกากรและจดทะเบียนเดือน มี.ค.2558 ส่วนเรื่องป้ายทะเบียน กท 191 กรุงเทพมหานคร เป็นป้ายของรถยนต์บีเอ็มดับเบิ้ลยู ขณะที่รถยนต์มาเซราติก็มีหมายเลขทะเบียนถูกต้อง ซึ่งได้รับอนุญาตเมื่อต้นปีที่ผ่านมาและจะสิ้นอายุภาษีต้นปี 2563
ดังนั้น การสวมหมายเลขทะเบียนจึงมีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ มาตรา 67 ผู้ใดใช้เครื่องหมายที่นายทะเบียนออกให้สำหรับรถคันหนึ่งกับรถอีกคันหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท ซึ่งกรมการขนส่งทางบกเตรียมประสานให้ น.ส.ปณิตา ชำระค่าปรับตามกฎหมายด้วยเช่นกัน