นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เขต 1 จ.เชียงราย (อดีตสมาชิกพรรคอนาคตใหม่) อภิปรายการบริหารงานด้านเศรษฐกิจของ พล.อ.ประยุทธจันทร์โอชา ในฐานะประธาน ครม.เศรษฐกิจ
โดยช่วงหนึ่งระบุว่า ทุนจีนเอารัดเอาเปรียบไทย หากดูข้อมูลตั้งแต่ปี 2557 –ปี 2562 พิจารณาเส้นราคาส่งออกราคาลำไยต่อตันจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 60% และพิจารณาตัวเลขส่งออกเหมือนจะดี สูงสุดอยู่ที่ 35,000 บาทต่อตัน หรือ 35 บาทต่อกิโลกรัม แต่ดัชนีลำไยหน้าสวนกลับลดลงอยู่ที่ 13%
ชาวบ้านทีแรกดีใจ เหมือนราคาจะดีขึ้น แต่ทุนที่เข้ามาฮั้วกันกดราคา จนราคาหน้าสวนตก
นพ.เอกภพ กล่าวอีกว่า เมื่อดูข้อมูลในพื้นที่ จ.ลำพูน ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร พบว่ามีล้งลำไย 3 เจ้าใหญ่ เป็นของนายทุนจีน
มีผู้ถือหุ้นเป็นกลุ่มเดียวกันถือหุ้นไขว้ คือ นายจ้าวเอ ถือหุ้น ฮองx อิ่นx ต้าx ทั้งหมดมีเจ้าของคนเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่นายทุนเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องซื้อลำไยในราคาแพง
ซื้อ 10-12 บาทต่อกิโลกริม แล้วขาย(ส่งออก) 30-35 บาทต่อกิโลกรัม
ไม่เพียงเท่านี้ยังมีการเล่นแร่แปรธาตุ สังเกตจากรายได้ที่เกิดขึ้นของบริษัทเหล่านี้ต่อปี มีรายได้ ประมาณ 200 ล้านบาท แต่กลับแจ้งว่ามีกำไรไม่ถึง 1 ล้านบาท หรือบางบริษัทมีอัตราการทำกำไรไม่ถึง 1% ทั้งที่การซื้อขายลำไฟมีส่วนต่างสูงมาก คือซื้อประมาณ 10 บาท ขาย 35 บาท
ตัวเลขอัตราการทำกำไรเหล่านี้ ไม่ใช่ข้อผิดสังเกตแค่ปีเดียว แต่เมื่อดูข้อมูลย้อนหลัง 4 ปี ก็พบความผิดปกติดในลักษณะเดียวกัน ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นเรียกว่า “Transfer Pricing” หรือ การทำกำไรไม่ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ทั้งที่บริษัทเหล่านี้ใช้ดิน ใช้น้ำ ใช้แรงงานคนไทย แต่ภาษีหรือกำไรไม่เสียให้คนไทย
บริษัทเหล่านี้ใช้น้ำ ดิน แรงงานของไทย แต่ภาษีหรือกำไรไม่เสียให้คนไทย
นอกจากกรณีลำไย จ.ลำพูน ยังพบรูปแบบการดำเนินการธุรกิจแบบนี้กับพืชอื่นๆ เช่น สับปะรด ทุเรียน มังคุด รวมถึงยางพาราด้วย
นพ.เอกภาพ กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนตัวแน่ใจว่าคุณประยุทธ์ซึ่งเป็นประธานทีมเศรษฐกิจรู้ดี เพราะเกิดขึ้นทั่วประเทศ แต่ถามว่าทำไมถึงไม่ทำอะไร (คำตอบ) เพราะความสัมพันธ์ที่วางไว้ว่า “เราเป็นมด เราไม่กล้ายุ่งกับราชสีห์” นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรไทย ที่ปล่อยให้ไทยถูกเอารัดเอาเปรียบ เงินที่คนไทยควรจะได้กลับถูกโยกไปต่างประเทศ
“สุภาษิตจีนอันหนึ่ง คุณประยุทธ์ควรจะเก็บไว้ในใจ ตีสุนัขควรจะมองหน้าเจ้าของ เวลาท่านจะตีสุนัขเหล่านี้ท่านคงจะเกรงใจเจ้าของสุนัขเหล่านี้”