ปชป.โต้ข่าว “อภิสิทธิ์” สั่งสลายม็อบปี 53 ระบุผ่านพิสูจน์แล้วทุกศาล

การเมือง
17 พ.ค. 63
14:23
1,251
Logo Thai PBS
ปชป.โต้ข่าว “อภิสิทธิ์” สั่งสลายม็อบปี 53 ระบุผ่านพิสูจน์แล้วทุกศาล
“ราเมศ” ชี้แจงข่าวบิดเบือน “อภิสิทธิ์” สั่งฆ่าประชาชน ย้ำเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย การชุมนุมปี 2553 ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มีกองกำลังติดอาวุธ ขู่ ใครใส่ร้ายอีก เตรียมถูกฟ้องเหมือน “จตุพร”

วันนี้ (17 พ.ค.2563) นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงชี้แจงกรณีที่มีการกล่าวพาดพิง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เรื่องการสลายการชุมนุมปี 2553 ว่า เป็นการสร้างวาทะกรรมเพื่อทำลายนายอภิสิทธิ์ ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ทั้งที่ผ่านการพิสูจน์จากกระบวนการยุติธรรมจนสิ้นกระแสความ ว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา

โดยหลักฐานจากรายงานของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อปรองดองแห่งชาติ หรือ คอป. ยืนยันชัดเจนว่า การชุมนุมปี 2553 ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญชัดเจน และในบริเวณการชุมนุมก็มีกลุ่มชายชุดดำแฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม มีการใช้อาวุธสงคราม รายงานของ คอป. มีรายละเอียดเป็นจำนวนมากที่ยืนยันข้อเท็จจริงในเรื่องต่างๆ

นายราเมศกล่าวว่า การพิสูจน์ความจริงผ่านกระบวนการยุติธรรม ที่มีการยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ ต่อศาลอาญา ในข้อหาเจตนาฆ่าผู้ชุมนุม สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยต่างๆ สลายการชุมชุม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ซึ่งเป็นข้อหาที่หนักหนาเอาการ แต่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง เพราะไม่มีเขตอำนาจในการพิจารณาคดีนี้ โดยศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา มีคำพิพากษายกฟ้องเช่นกัน

อำนาจการพิจารณาคดีจึงตกไปอยู่กับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่มีอำนาจโดยตรง โดยผลการวินิจฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช. รับฟังเป็นที่ยุติว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย ด้วยเหตุผล

“อยู่ในช่วงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาของศาลว่า การชุมนุมของกลุ่ม นปช. มิใช่การชุมนุมโดยสงบตามรัฐธรรมนูญ และมีบุคคลที่มีอาวุธปืนปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. จึงมีเหตุจำเป็นที่ ศอฉ. ต้องใช้มาตรการขอพื้นที่คืน เพื่อให้เกิดความสงบสุขในบ้านเมือง โดยมีคำสั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่นำอาวุธติดตัว หากมีความจำเป็นสามารถนำมาใช้เพื่อระงับยับยั้งได้ไปตามสถานการณ์ หรือเหตุการณ์เฉพาะหน้า หรือป้องกันตนเองได้ อันเป็นไปตามหลักสากล ตามนัยคำพิพากษาศาลแพ่ง ในคดีหมายเลขดำที่ 1433/2553”

ศาลฎีกาได้เคยวินิจฉัยไว้ในคดีเลขที่ 1699/2560 “ว่าการกระทำของ นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง” ก็เป็นข้อเท็จจริงที่สอดคล้องต้องกัน เรื่องดังกล่าวนี้จึงควรจะยุติ เพราะได้ผ่านการค้นหาความจริงด้วยกระบวนการยุติธรรม ไม่ควรที่จะมาใช้วาทะกรรมในการปลุกปั่นให้ประชาชนเข้าใจผิด

นายราเมศกล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีขณะนั้น เป็นผู้นำที่พยายามเจรจาเพื่อหาทางออกให้กับประเทศตลอดมา แต่การเจรจาก็ล้มไปเพราะแกนนำ นปช. รับคำสั่งมาให้ยกเลิกการเจรจา และทั้งนายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ ไม่เคยเรียกร้องให้มีการนิรโทษกรรมให้กับตนเอง พร้อมต่อสู้คดีจากข้อกล่าวหา จนผ่านกระบวนการตรวจสอบการพิสูจน์ด้วยกระบวนการยุติธรรมว่าไม่ได้ทำผิดตามที่กล่าวหา

ขณะที่ศาลฎีกาตัดสินจำคุกนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ที่กล่าวหานายอภิสิทธิ์ในคดีหมิ่นประมาท ใส่ร้ายนายอภิสิทธิ์ว่า เป็นฆาตกรสั่งฆ่าประชาชนระหว่างการชุมนุม นปช. ดังนั้น บุคคลใดจะนำความเท็จมาใส่ร้ายนายอภิสิทธิ์ ก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจถูกดำเนินคดีต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง