ผบช.น.ยืนยัน ตร.ไม่มีเจตนาขับชน - ไม่เข้าข่ายหลบหนี

อาชญากรรม
13 ก.ย. 64
12:15
822
Logo Thai PBS
 ผบช.น.ยืนยัน ตร.ไม่มีเจตนาขับชน - ไม่เข้าข่ายหลบหนี
ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ชี้แจงเหตุตำรวจขับขี่รถควบคุมผู้ต้องขังชนวัยรุ่นในม็อบบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ไม่มีเจตนาและไม่เข้าข่ายชนแล้วหนี

วันนี้ (13 ก.ย.2564) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เปิดเผยกรณีตำรวจขับรถควบคุมผู้ต้องขังชนวัยรุ่นชายคนหนึ่งที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ช่วงเวลาประมาณเกือบเที่ยงคืนของวันที่ 12 ก.ย.ว่า จากการสอบถาม ส.ต.ต.นรเศรษฐ ซึ่งเป็นผู้ขับขี่รถควบคุมผู้ต้องขังคันดังกล่าว โดยเป็นการเดินทางขากลับ สน.พลับพลาไชย 1 หลังเสร็จสิ้นภารกิจสนับสนุนตำรวจควบคุมฝูงชน ส่งตัวผู้ถูกควบคุมไปส่งที่ บช.ปส.

เมื่อถึงจุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงระเบิดดังเป็นระยะ และพบกลุ่มบุคคล 6-7 คน วิ่งออกมาบนถนนและทุบรถ ซึ่งขณะนั้นได้เบรกล้อห้ามรถ ก่อนจะชนเข้ากับวัยรุ่นชายคนหนึ่ง จากนั้นได้มองผ่านกระจกข้าง พบว่าชายคนดังกล่าวสามารถบุกขึ้นวิ่งออกจากจุดเกิดเหตุไปได้ จึงขับรถออกจากจุดเกิดเหตุไป เนื่องจากกลัวเกิดอันตราย พร้อมยืนยันไม่มีขับรถชนผู้ชุมนุม และพฤติการณ์ไม่เข้าข่ายชนแล้วหนี

 

นอกจากนี้ หลังออกนอกพื้นที่ได้ ยังได้เข้าลงบันทึกประจำวัน และร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนที่ สน.ดินแดง กับผู้ก่อเหตุทุบรถในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ และร่วมกันทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ส่วนผู้ถูกรถชน ก็สามารถเข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ท้องที่เกิดเหตุได้เช่นเดียวกัน

จับวัยรุ่นพร้อมอาวุธ 1 คน

ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงมาตรการป้องกันและการระงับเหตุจลาจลว่า มาตรการป้องกันในการตั้งด่านสกัดตรวจค้นเจ้าหน้าที่พยายามทำให้ได้มากที่สุด แต่หลายครั้งเมื่อเกิดการตั้งด่านสกัดจับหรือสกัดตรวจค้น มักมีกลุ่มผู้ชุมนุม หรือกลุ่มวัยรุ่นเข้าก่อเหตุเป็นอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจสกัด

ขณะที่การระงับเหตุ หรือควบคุมสถานการณ์ ยอมรับว่ากลุ่มผู้ชุมนุมเองก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น รวมไปถึงวัสดุอุปกรณ์ที่นำเข้าในพื้นที่การชุมนุม อย่างเช่นเมื่อคืนที่ผ่านมา จับวัยรุ่นพร้อมอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนได้ 1 คน

 

ขณะที่ตำรวจควบคุมฝูงชนพยายามเข้าเผชิญหน้าให้น้อยที่สุด แต่ยืนยันว่ากรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ที่มีการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และมีกำหนดเวลาเคอร์ฟิว หลังช่วงเวลาที่กฎหมายกำหนด คือเวลา 21.00 น. เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ เพื่อความสงบเรียบร้อย

2 กลุ่มผู้ชุมนุมจัดกิจกรรม

ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษก บช.น.กล่าวว่า ผลปฏิบัติการควบคุมสถานการณ์ เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้มีการจัดกิจกรรม 2 กลุ่มหลัก คือ 1.กลุ่มโมกหลวงริมน้้ำ เวลา 19.00-19.30 น. ได้ทํากิจกรรมปราศรัย และสาดสีบริเวณ หน้าวัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร ฝั่งตรงข้ามสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ส่วนอีกกลุ่มต่อต้านเผด็จการและกลุ่มทะลุแก๊สที่บริเวณแยกดินแดง เริ่มรวมตัวเวลา 17.30 น. มีการนําแผงเหล็กมาปิดการจราจร จุดไฟเผายางรถยนต์และเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติในหลวง

อีกทั้งตลอดการชุมนุมที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง กลุ่มผู้ชุมนุมหลายคนได้ใช้หนังสติ๊ก, วัสดุท่ออัดแก๊สในการยิงลูกแก้ว ประทัดยักษ์ พลุไฟ ระเบิดต่างๆ บริเวณหน้ากรมดุริยางค์ทหารบก และฝั่งถนนมิตรไมตรี เป็นระยะๆ ซึ่งเมื่อเวลาประมาณ 19 .00 น. ตำรวจใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงผลักดันกลุ่มมวลชน ให้ออกจากหน้ากรมดุริยางค์ทหารบก แต่ไม่เป็นผล

 

อย่างไรก็ตาม ตํารวจได้มีการประกาศเตือนให้ยุติการกระทําและออกจากพื้นที่ทั้งหมด แต่กลุ่มผู้ชุมนุมยังรวมตัวในพื้นที่ กระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. ตำรวจควบคุมฝูงชน จึงต้องเข้าบังคับใช้กฎหมายและผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมให้ออกจากพื้นที่ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว มีการจุดไฟเผายางรถยนต์ที่บริเวณหน้าสนามไทยญี่ปุ่นดินแดง รถไม่สามารถผ่านได้ และลงมาปิดถนน

ดำเนินคดีกลุ่มชุมนุม 204 คดี

ขณะเดียวกัน ยังพบว่ามีการโรยตะปูเรือใบบริเวณปากซอยบุญอยู่ เพื่อไม่ให้รถผ่านลงอุโมงค์ดินแดง จากการก่อความวุ่นวายของผู้ชุมนุม เป็นเหตุให้มีทรัพย์สินสาธารณประโยชน์ได้รับความเสียหายจํานวนหนึ่ง และตำรวจติดตามจับกุมผู้กระทําความผิดพร้อมของกลาง เป็นอาวุธปืน, เครื่องกระสุนปืน, หนังสติ๊ก และลูกแก้วจํานวนหนึ่ง

ทั้งนี้ ได้ส่งตัวผู้กระทำความผิดให้พนักงานสอบสวนดําเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ, เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกแล้วไม่เลิกฯ, ครอบครองและพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ หรือความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และยังตรวจพบของกลางที่ตกในบริเวณรอบสามเหลี่ยมดินแดง เป็นระเบิดแสวงเครื่อง ระเบิดปิงปองอีกส่วนหนึ่ง

 

สำหรับการดําเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุม ตั้งแต่เดือน ก.ค.2564 จนถึงปัจจุบันรวมทั้งสิ้น 204 คดี มีผู้ต้องหาทั้งหมด 756 คน ติดตามจับกุมตัวได้แล้ว 511 คน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง