ส่องปฏิกิริยาชาวมาเลเซีย หลังอดีตสตรีหมายเลข 1 ถูกศาลสั่งจำคุก 10 ปี

ต่างประเทศ
1 ก.ย. 65
20:38
921
Logo Thai PBS
ส่องปฏิกิริยาชาวมาเลเซีย หลังอดีตสตรีหมายเลข 1 ถูกศาลสั่งจำคุก 10 ปี
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
หลังศาลตัดสินจำคุกอดีตสตรีหมายเลข 1 เป็นเวลา 10 ปี ในคดีรับสินบน ไม่มีประชาชนออกมาเคลื่อนไหวหรือคัดค้านคำพิพากษา นักข่าวอิสระมองว่าด้วยภาพพจน์ที่ฟุ่มเฟือยและมีความเชื่อมโยงกับคดีทุจริตมาโดยตลอด อาจทำให้ชาวมาเลเซียเห็นด้วยกับคำตัดสินในวันนี้

วันนี้ (1 ก.ย.2565) น.ส.ปรางทิพย์ ดาวเรือง นักข่าวอิสระที่อาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซีย และเป็นสมาชิกเครือข่ายผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติ กล่าวถึงปฏิกิริยาของชาวมาเลเซีย หลังศาลตัดสินจำคุก "รอสมาห์ มานซอร์" ภริยาของอดีตนายกรัฐมนตรี "นาจิบ ราซัค" เป็นเวลา 10 ปี ในคดีรับสินบน

น.ส.ปรางทิพย์ ระบุว่า รอสมาห์ มีภาพพจน์ที่ไม่ดีมาตลอด เธอได้ทุกสิ่งทุกอย่างด้วยการคดโกง ใช้ประโยชน์จากอำนาจ ฟุ่มเฟือย และโลภมาก ภาพพจน์ของเธอแย่มากขึ้นจากคลิปเสียงที่รัฐบาลมหาเธร์ นำมาเปิดเผย เป็นคลิปเสียง รอสมาห์ สั่งการให้นาจิบ จัดการกองทุน 1MDB ด้วยน้ำเสียงที่กราดเกรี้ยวว่า

ขอแนะอะไรหน่อยได้ไหมที่รัก เธอเป็นนายกฯ นะ ทำไมต้องให้คนอื่นมานำเธอด้วย เธอต้องเป็นผู้นำ ต้องแก้ปัญหา

ดังนั้น คำตัดสินของศาลวันนี้ มีชาวมาเลเซียดีใจ ไม่มีใครออกมาเรียกร้องหรือประท้วงคำตัดสิน มีเพียงทนายที่จะอุทธรณ์และฎีกาเท่านั้น

อ่านเพิ่มเติม : ย้อนชีวิตบนกองแบรนด์เนมของ "อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งมาเลเซีย"

น.ส.ปรางทิพย์ กล่าวว่า วันนี้ รอสมาห์ ไม่ได้พูดอะไรที่ทำให้ประชาชนเห็นใจ แต่พูดว่าเรื่องแบบนี้อาจจะเกิดขึ้นกับลูกหลานของคุณในอนาคตก็ได้ ถือเป็นประโยคที่เป็นผิดจังหวะในช่วงเวลานี้

รอสมาห์ เป็นจุดอ่อนของราจิบมาตั้งแต่ต้น และเธอดึงภาพพจน์ของนาจิบให้ตกต่ำตั้งแต่ต้น

ระบบยุติธรรม-การเมืองมาเลเซีย

น.ส.ปรางทิพย์ เปิดเผยว่า ในอดีตระบบยุติธรรมของมาเลเซีย ถูกมหาเธร์จัดการอย่างราบคาบ ในช่วงที่เขาอยู่ในพรรคอัมโน และเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจมาก สิ่งที่เป็นเรื่องแตกหักของระบบยุติธรรมคือ ผู้พิพากษาสูงสุดได้ตัดสินว่าพรรคอัมโนผิดกฎหมาย มหาเธร์จึงใช้วิธีปลดออกจากตำแหน่ง แล้วแต่งตั้งคนของตัวเองเข้ามาใหม่ และในเวลานี้ผู้พิพากษาสูงสุดและผู้พิพากษาศาลอื่น ๆ ได้รับการแต่งตั้งแทบทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตามคิดว่า การต่อกรของคณะผู้พิพากษาและระบบศาลที่มีต่อผู้มีอำนาจทางการเมือง อย่าง นาจิบ เป็นตัวสะท้อนความไม่มั่นคงทางการเมืองของมาเลเซีย ในแง่ที่ว่าไม่มีพรรคใดกุมอำนาจสูงสุดเช่นในอดีตอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นจึงมีช่องว่างให้สถาบันอื่น สามารถแสดงความเป็นตัวของตัวเองได้

หลังจากนี้ คาดว่าการเมืองของมาเลเซียจะไม่เป็นเหมือนเดิม ที่มีพรรคเดียวครอบอำนาจสูงสุด สามารถชี้เป็นชี้ตายได้อีก แต่จะเป็นการเมืองที่พรรคการเมืองต่าง ๆ จะต้องต่อรองตลอดเวลา

ไม่ขอฟันธงร้อยเปอร์เซ็นกับการเมืองมาเลเซีย เพราะชอบมีเซอร์ไพรส์เกิดขึ้นเสมอ

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง