ทั้งผ่านทางเพจรัฐบาลไทย เว็บไซต์สื่อหลัก และสื่อโซเชียล กลายเป็นภาพข่าวที่ได้รับความสนใจและพูดถึงกันมาก เพราะเกิดขึ้นในช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองยังอึมครึมไม่แจ่มใส
แม้นายอนุทินจะชี้แจงว่า เป็นการนัดหมายล่วงหน้า พาหมอรักษาโรคผิวหนังไปตรวจอาการผื่นและสะเก็ดหลังมือ พล.อ.ประยุทธ์ต่อเนื่อง หลังจากเริ่มรักษาเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน เผอิญเป็นช่วงเวลาใกล้ช่วงเที่ยง จึงได้ร่วมรับประทานอาหารร่วมกัน โดยรายการอาหาร คือข้าวกระเพราไก่ ไข่ดาว และไม่ได้พูดคุยกันเรื่องการเมือง
แต่กรณีนี้ ไม่มีคนเชื่อเพราะทั้ง 3 คนเป็นคนในวงการการเมืองทั้งสิ้น ไม่คุยกันเรื่องการเมือง แล้วจะคุยกันเรื่องอะไร สภาพดินฟ้าอากาศอย่างนั้นหรือ
หากเป็นเพียงพาหมอไปรักษาโรคอาการแพ้ของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่จำเป็นที่นายอนุทินซึ่งไม่ใช่หมอจะต้องไปด้วย ยังไม่นับรวม เรื่อง พล.อ.อนุพงษ์ อยู่กระทรวงมหาดไทย ไฉนจึงไปปรากฏตัวที่กระทรวงกลาโหม และร่วมกินข้าวเที่ยง หากไม่มีอะไรพิเศษ
คำถามคือ ภาพเดียวที่ปรากฏนี้ เป็นความจงใจต้องการให้ปรากฏเป็นภาพข่าว และหวังสื่อสารออกไปในวงกว้างใช่หรือไม่
เพราะดูจากองค์ประกอบแล้ว น่าจะเป็นภาพที่จงใจถ่าย โดยนายอนุทินมีรอยยิ้มชัดเจน หันหน้าสู้กล้อง เช่นเดียวกับ พล.อ.อนุพงษ์ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ แม้จะไม่หันหน้าให้กล้อง มองไปทาง พล.อ.อนุพงษ์ เหมือนตั้งใจ และภาพที่ออกมา สะท้อนให้เห็นบรรยากาศของความชื่นมื่น ปราศจากความเครียดใด ๆ
แม้นว่าในความเป็นจริง พล.อ.ประยุทธ์ กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก รอลุ้นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีอยู่ในตำแหน่งนายกฯ 8 ปี แล้วหรือไม่ ความเคลื่อนไหวถูกจับตาแทบทุกย่างก้าว
ท่ามกลางคำถามของกระแสสังคมว่า ได้พบปะหรือติดต่อสื่อสารกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการนายกฯ หรือไม่
ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ ก็ถูกมองว่า เลือกยืนอยู่ข้าง พล.อ.ประยุทธ์ไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากก่อนหน้านี้ ในฐานะ รมว.มหาดไทย ได้ถูกกดดันจาก ส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐ บีบให้สละตำแหน่งรัฐมนตรีที่นั่งอยู่ ให้ พล.อ.ประวิตรขยับไปนั่งแทน
ด้วยเหตุผล ไม่เคยช่วยเหลือสนับสนุน ส.ส.ในการหาเสียงกับประชาชนในพื้นที่เลย แต่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ใส่ใจหรือตอบสนองแต่อย่างใด ยังคงมั่นใจและปกป้อง พล.อ.อนุพงษ์ มาโดยตลอด รวมทั้งในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา
ขณะที่นายอนุทินแม้จะพยายามทำตัวเป็นมิตรกับทุกคนทุกฝ่าย ไม่ทะเลาะกับใคร มุ่งมั่นทำงาน หากมีเวลาก็เดินสายไปต่างจังหวัด เปิดงานกัญชาเสรีบ้าง เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทยบ้าง แต่ก็ไม่วายตกเป็นเป้ากระแสวิพากษ์วิจารณ์อยู่เนือง ๆ
ล่าสุดถูกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หวังดิสเครดิตใส่เต็มๆผ่าน เฟซบุ๊ก CARE ; แคร์ คิด เคลื่อน ไทย ล่าสุดว่า เป็นคนไม่น่าเชื่อถือ โดยหยิบยกกรณีหาเสียงเลือกตั้ง ปี 62 ย้ำชัดว่า จะไม่เลือกสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ แต่สุดท้ายก็กลับคำ
ทั้งยังวิเคราะห์สถานการณ์การเมือง โดยมีนายอนุทินอยู่ในสมการด้วยว่า นายอนุทินเป็นตัวเลือกเดียวของฝ่ายรัฐบาลปัจจุบัน หากมีการเดินหน้าให้รัฐสภาเลือกนายกฯ คนใหม่แทนที่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่จะไม่ได้รับการสนับสนุนจาก พล.อ.ประวิตร กับ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และ ส.ว.บางส่วน เพื่อลุ้นการเป็นนายกฯ คนนอก นายอนุทินจึงไม่เห็นด้วยกับการเลือกนายกฯ คนนอก
เท่ากับพยายามโจมตีนายอนุทินในที และอ้างว่า พรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันจะไม่เลือกนายอนุทิน ดังนั้น ภาพที่นายอนุทินไปนั่งหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ห้องทำงานกระทรวงกลาโหม หากจะตีความหมายว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังเลือกนายอนุทิน ฝ่ายนั้น (พล.อ.ประวิตร) ไม่เลือก แต่ฝ่ายนี้ ยังเลือกและเชื่อใจ
ขณะที่นายอนุทินก็ไม่ตอบโต้กลับนายทักษิณเช่นเดิม คล้ายกับครั้งก่อนๆ คือถือเป็นคำชมที่ถูกพูดถึง และรำลึกถึงเสมอว่า ตนเติบโตทางการเมืองได้ เพราะนายทักษิณสนับสนุน หากไม่มีปมขัดแย้งทางการเมือง ก็คงยังเป็นลุงของเขาเช่นเดิม
หรือหากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็กนายทักษิณเปิดตัวและเข้าไปมีบทบาทในพรรคเพื่อไทย แม้แกนนำรัฐบาลคนอื่น ๆ จะรุมวิพากษ์โจมตี แต่นายอนุทินกลับตรงกันข้าม แสดงท่าทีชื่นชมและเห็นว่า จะทำให้ประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น
จึงเป็นการวางตัวแบบเพาะมิตร ไม่เพิ่มศัตรู ไม่ทะเลาะกับใคร อันเป็นสาเหตุสำคัญที่ใครหรือพรรคการเมืองไหนก็อยากร่วมงานด้วย และพร้อมแสดงท่าทีเป็นมิตร เหมือนภาพที่ปรากฏ ล่าสุดกับ 2 ป.ที่กลาโหม