กลุ่มชาวไร่บุก ก.อุตสาหกรรม ทวงค่าตัดอ้อยสด

วันนี้ (13 ก.ย.2565) กลุ่มชาวไร่อ้อยกว่า 400 คน รวมตัวกันที่สำนักงานอ้อยและน้ำตาลทราย กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อทวงถามคืบหน้าการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่ ที่ตัดอ้อยสดเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 อัตราตันละ 120 บาท ตามมติคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมา แต่ปรากฎว่าหลังปิดหีบอ้อยเมื่อเดือน มิ.ย.2565 จนถึงปัจจุบัน ชาวไร่อ้อยยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ

นายธีระชัย แสนแก้ว ประธานชมรมสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาชาวไร่อ้อยพยายามตัดอ้อยสดตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อจะรักษาสิ่งแวดล้อม แต่ยอมรับว่าต้นทุนการตัดอ้อยสดสูงกว่าการเผาอ้อย โดยการตัดอ้อยสดจะมีต้นทุนประมาณ 180 - 200 บาทต่อตันอ้อย

ขณะที่การเผาอ้อยจะมีต้นทุนประมาณ 130 บาทต่อต้านอ้อย ซึ่งรัฐบาลจะช่วยค่าตัดอ้อยสด 120 บาทต่อตัน จึงทำให้เกษตรกรหันมาตัดอ้อยสดเพิ่มขึ้นประมาณ 300,000 คน

แต่ผ่านมา 2-3 เดือนหลังปิดหีบอ้อยเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2565 ชาวไร่อ้อยยังไม่ได้รับเงินค่าช่วยเหลือซึ่งส่งผลกระทบอย่างมาก เพราะจะเริ่มเข้าสู่การเปิดหีบอ้อย ช่วงเดือน พ.ย. - ธ.ค. 2565 ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนสูงมากและต้นทุนการเพาะปลูกปัจจุบันสูงประมาณ 1,400 บาทต่อตันอ้อย แต่ราคาอ้อยขั้นต้น อยู่ประมาณ 1,200 บาทต่อตันอ้อย และชาวไร่อ้อยต้องเผชิญกับต้นทุนต่าง ๆ ทั้งทั้งปุ๋ย ค่าแรง น้ำมัน แต่ยังไม่ได้รับเงินแม้จะปิดหีบมานานแล้ว

นายเอกภัทร วังสุวรรณ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาล ยอมรับว่า มีงบประมาณไม่เพียงพอ โดยจะต้องใช้งบประมาณ 10,490 ล้านบาท เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเกิดปัญหาโควิด-19 ทำให้กระทรวงการคลังกังวลว่าจะกระทบต่อวินัยการคลัง หลังระดับหนี้สาธารณะสูงขึ้นจนเกือบชนเพดาน หากต้องก่อหนี้เพิ่มจะต้องทำเหตุผลถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการใช้เงินกู้เพิ่มขึ้น เบื้องต้นกำลังเร่งดำเนินการเพื่อจัดหางบประมาณโดยจะต้องทำเหตุผลชี้แจง ไปยังสภาพัฒน์ฯ เพื่อขอใช้งบฯ