"All I Want for Christmas Is You" ครองอันดับ 1 ชาร์ต Billboard ปีที่ 4

Logo Thai PBS
"All I Want for Christmas Is You" ครองอันดับ 1 ชาร์ต Billboard ปีที่ 4
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
All I Want for Christmas Is You ซิงเกิลดังของ Mariah Carey กลับมาฮิตติดชาร์ตอีกครั้ง หลัง ครองอันดับ 1 Billboard Hot 100 ได้ เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ตอกย้ำช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองสมศักดิ์ศรี "ราชินีคริสต์มาส"

ช่วงปลายเดือน ธ.ค.นี้หันไปทางไหนก็เจอแต่บรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง นอกจากต้นคริสต์มาสและไฟประดับแล้วทุกปีที่เทศกาลคริสต์มาสมาเยือน การแจ้งเตือนว่าเทศกาลคริสต์มาสได้กลับมาอีกครั้ง คงหนีไม่พ้นเพลง All I Want for Christmas Is You ซิงเกิลดังของ Mariah Carey ที่กลับมาฮิตติดชาร์ต สมศักดิ์ศรี "ราชินีคริสต์มาส"

แม้จะโด่งดังมากว่า 28 ปี แต่ความสนุกสนานและท่วงทำนองที่ติดหูของเพลงนี้ยังคงครองใจผู้ฟังมาตลอด ล่าสุด เมื่อต้นสัปดาห์เพลง “All I Want for Christmas Is You” กลับมาครองบัลลังก์อันดับ 1 บนชาร์ต Billboard Hot 100 ได้อีกครั้ง

“All I Want for Christmas Is You” เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1994 และท่ามกลางการแข่งขันของเพลงต่าง ๆ ทั้งเก่าและใหม่ในปัจจุบันบนโลกสตรีมมิ่ง ช่วงเทศกาลวันหยุด หรือวันเฉลิมฉลองมักเป็นโอกาสให้เพลงต่าง ๆ ได้รับความนิยมอย่างก้าวกระโดด โดย All I Want For Christmas Is You ติดอันดับ Top 10 ของ Billboard Hot 100 ครั้งแรกเมื่อเดือน ธ.ค.ปี 2017 และติด Top 5 ครั้งแรกเมื่อปี 2018 ก่อนที่จะได้ครองอันดับ 1 ได้ในปี 2019, 2020 และ 2021

กลับมาฮิตทุกปี All Kill รอบสัปดาห์ขนาดนี้ บางคนอาจสงสัยว่าแล้วเพลงนี้ ทำรายได้ให้ Mariah Carey ได้มากขนาดไหน The Economist เคยรายงานว่า เพลง "All I Want for Christmas Is You" มียอดฟังสูงถึง 210 ล้านครั้งบน Spotify และมีค่าลิขสิทธิ์มากกว่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่เปิดตัว

ขณะที่ข้อมูลของ South China Morning Post "All I Want for Christmas is You" ถูกจัดอันดับให้เป็นเพลงที่ทำรายได้ต่อปีมากที่สุดเป็นอันดับ 3 โดยรับเงิน 485,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 16 ล้านบาทต่อปี เท่ากับเพลง Fairytale of New York ของ The Pogues and Kirsty MacColl ที่เปิดตัวปี 1988 ส่วนอันดับ 1 คือ เพลง Merry Christmas Everybody ของ Slade ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 1973 ทำรายได้ 1.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี

ที่มา : billboard (1),(2), South China Morning Post

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง