มองอนาคต “ทรัมป์” ชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ สมัย 2 สดใสหรือไม่ ?

ต่างประเทศ
12 มิ.ย. 66
14:54
363
Logo Thai PBS
มองอนาคต “ทรัมป์” ชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ สมัย 2 สดใสหรือไม่ ?
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
เส้นทางทางการเมืองของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ที่จะกลับมาชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ สมัย 2 ไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากคดีจ่ายเงินปิดปากดาราหนังผู้ใหญ่แล้ว ยังถูกฟ้องข้อหาเก็บเอกสารลับของรัฐบาลหลังพ้นจากตำแหน่ง

ข้อหาเก็บเอกสารลับของรัฐบาลหลังพ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ทำให้ “โดนัลด์ ทรัมป์” ตกที่นั่งลำบาก ซึ่งต้องจับตาว่าการดำเนินคดีทางกฎหมายจากกรณีนี้ จะกระทบกับการเลือกตั้งปี 2024 มากน้อยแค่ไหน

แต่ความสามารถอย่างหนึ่งของ “ทรัมป์” คือการพลิกวิกฤตเป็นโอกาส โดยเฉพาะการใช้คดีความทางกฎหมายเรียกคะแนนสงสาร และกระชับเสียงสนับสนุนจากฐานเสียง จนได้รับคะแนนนิยมเพิ่มมากขึ้น และการถูกฟ้องร้องครั้งล่าสุดนี้ อดีตผู้นำสหรัฐฯ ก็ใช้กลยุทธ์เดิมในการหาเสียง

สุนทรพจน์ของ “ทรัมป์” บนเวทีประชุมพรรครีพับลิกันในรัฐนอร์ท แคโรไลนา เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา ไม่ต่างจากท่าทีบนเวทีในรัฐจอร์เจียและทุกๆ ครั้งที่อดีตผู้นำคนนี้ถูกฟ้อง ซึ่งจะป่าวร้องว่า เขาไม่ได้รับความเป็นธรรมและข้อกล่าวหามีแรงจูงใจทางการเมืองเพื่อหวังทำลายตัวเขา ไม่ก็ขัดขวางไม่ให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง แต่ข้อโต้แย้งนี้ของทรัมป์เป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน

โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนปัจจุบัน

โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนปัจจุบัน

โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนปัจจุบัน

ไม่กี่เดือนหลัง FBI บุกค้นบ้านพักของทรัมป์ในรัฐฟลอริดา เพื่อหาเอกสารลับ เมื่อเดือน ส.ค.2022 มีรายงานว่า โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน ก็เก็บเอกสารลับไว้ที่สำนักงานและบ้านพัก หลังพ้นจากตำแหน่งรองประธานาธิบดีเมื่อปี 2017 เช่นกัน

ขณะที่ ไมค์ เพนซ์ อดีตรองประธานาธิบดี ขนเอกสารลับกลับบ้านพักในรัฐอินดีแอนา ก่อนจะรู้ตัวเมื่อต้นปี 2023 หรือ 2 ปีหลังพ้นจากตำแหน่ง

แม้ทั้ง 3 คนจะทำผิดเหมือนกัน แต่จุดที่ต่างกันนอกเหนือจากจำนวนเอกสารที่พบ ซึ่งทรัมป์มีเก็บเอาไว้ทั้งหมดหลักหมื่น ยังมีประเด็นเรื่องความตั้งใจในการส่งเอกสารคืน โดยกรณีไบเดนและเพนซ์ มีการแจ้งเจ้าหน้าที่และให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ทำให้การส่งคืนรวดเร็ว ใช้เวลาไม่กี่วัน ต่างจากทรัมป์ที่พยายามปกปิดความจริง ซึ่งอาจทำให้คดีนี้ไม่ง่ายสำหรับอดีตผู้นำฝีปากกล้า

ไมค์ เพนซ์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

ไมค์ เพนซ์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

ไมค์ เพนซ์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

มีการเผยแพร่ภาพกล่องเอกสารถูกวางทิ้งไว้ตามห้องต่างๆ รวมทั้งห้องน้ำ ห้องนอนของทรัมป์ และห้องเก็บของ เป็นภาพที่ทำให้หลายคนไม่อยากจะเชื่อว่าเอกสารที่อยู่ในกล่องเหล่านี้คือข้อมูลลับของรัฐบาลอเมริกัน โดยมีทั้งเรื่องขีดความสามารถด้านกลาโหมและอาวุธของสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ข้อมูลโครงการนิวเคลียร์ ไปจนถึงจุดอ่อนของกองทัพและแผนการโจมตี ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ หากรั่วไหลออกไปอาจส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร

ภาพและข้อมูลเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้องความยาว 49 หน้า ซึ่งระบุว่า “ทรัมป์” ถูกฟ้องทั้งหมด 37 กระทง ในจำนวนนี้ 31 กระทง เป็นการฟ้องกรณีตั้งใจเก็บข้อมูลกลาโหมแห่งชาติที่เกี่ยวข้องกับเอกสารพิเศษ โดยมีโทษจำคุกสูงสุดกระทงละ 10 ปี นอกจากนี้ทรัมป์ยังเผชิญข้อหาสมคบคิดเพื่อขัดขวางกระบวนการยุติธรรม เก็บเอกสารและให้ข้อมูลเท็จ ซึ่งแต่ละข้อหามีโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี

4 เดือนหลังจากทรัมป์ย้ายออกจากทำเนียบขาว หอจดหมายเหตุแห่งชาติพบว่าเอกสารสำคัญที่รัฐบาลของทรัมป์ควรจะคืนให้กลับไม่มี จึงได้มีการติดต่อประสานงานจนได้เอกสารคืนมา 15 กล่องจากบ้านพักของทรัมป์ ซึ่งในจำนวนนี้เป็นแฟ้มลับมากกว่า 100 ฉบับ

โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้หอจดหมายเหตุตัดสินใจขอกระทรวงยุติธรรมเปิดการสอบสวนการจัดการเอกสารราชการของทรัมป์ พร้อมๆ กับการเข้ามามีบทบาทของ FBI ซึ่งมีหมายเรียกให้ทรัมป์คืนเอกสารลับอื่นๆ แต่สิ่งที่ได้กลับมาเป็นเพียงซองจดหมายเล็กๆ ทั้งที่ FBI ได้เบาะแสจากกล้องวงจรปิดว่า มีคนงานของทรัมป์ย้ายกล่องเอกสารจากห้องเก็บของ ซึ่งจุดนี้เองนำมาสู่การขอหมายค้นเมื่อเดือน ส.ค.2022

นักกฎหมายหลายคน มองว่า ความพยายามปกปิดและให้ข้อมูลเท็จกับเจ้าหน้าที่ กลายเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงและมีน้ำหนักในการเอาผิด ซึ่งเมื่อประเมินจากข้อมูลในคำร้อง ชี้ว่า หลักฐานในการเอาผิดทรัมป์กรณีนี้ค่อนข้างแน่นหนา เพราะมีทั้งพยานวัตถุเป็นเอกสาร รูปภาพ ข้อความ ไปจนถึงคำให้การของพยานหลายปาก

นอกจากนี้ การตั้งข้อหาของอัยการในครั้งนี้ยังอยู่ภายใต้กฎหมายจารกรรม ทำให้ข้ออ้างของ “ทรัมป์” เรื่องปลดสถานะชั้นความลับของเอกสารก่อนเอากลับบ้านจะฟังไม่ขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากกฎหมายฉบับนี้ไม่สนว่าเอกสารนั้นๆ จะลับหรือไม่ แต่ความผิดเกิดจากการครอบครองข้อมูลกลาโหมแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต

ทั้งนี้ ทรัมป์มีกำหนดขึ้นศาลในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ แต่ตามกฎหมายแล้ว แม้ทรัมป์จะต้องคดีก็สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งและนั่งเก้าอี้ผู้นำสหรัฐอเมริกาได้

วิเคราะห์โดย ทิพย์ตะวัน ธีรนัยพงศ์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง