เจาะประเทศหมู่เกาะ "ลงทุน" รับสัญชาติฟอกตัว

อาชญากรรม
29 มิ.ย. 66
17:09
1,752
Logo Thai PBS
เจาะประเทศหมู่เกาะ "ลงทุน" รับสัญชาติฟอกตัว
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

หากไม่เกิดคดี นายโกลเด้น อายุ 64 ปี และนางมิยูกิ อายุ 57 ปี สองสามีภรรยา ชาวไต้หวัน หลบหนีหมายจับจากประเทศจีนมา 20 ปี และหนีไปอาศัยในประเทศเบลีซ ลงทุนจนได้รับสัญชาติและหนังสือเดินทาง

ทั้งคู่เปลี่ยนชื่อและนามสกุลใหม่ ก่อนเดินทางเข้าไทยเมื่อปี 2561 โดยใช้หนังสือเดินทางเบลีซ ยื่นคำร้องขอเปลี่ยนการตรวจลงตราวีซาเป็นประเภท PE โดยการเป็นสมาชิก Thailand Privilege card

หลบซ่อนตัวอยู่ในคอนโดหรูย่านบางนา กระทั่งจนมุมหลังทางการจีนประสานตำรวจ ตม.ไทยเข้ารวบตัวได้เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา

ชื่อ "เบลีช" ประเทศเล็กๆ เล็กริมทะเลแคริบเบียน ในทวีปอเมริกาเหนือ ก็คงไม่มีใครรู้จัก เช่นเดียวกับ "วานูอาตู" ประเทศหมู่เกาะที่คนจีนสองสัญชาติมักจะเข้าไปลงทุนเพื่อให้ได้สัญชาติ

ขายสัญชาติผ่านการลงทุน

รอบหลายปีที่ผ่านมา หลายประเทศในหมู่เกาะขนาดเล็กในทะเลแคริบเบียนในยุโรปและกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย แคนาดา ออสเตรเลีย และประเทศที่ตกเป็นข่าวครึกโครมในไทย ทั้ง วานูอาตู และอูนูรู นำโครงการพลเมืองผ่านการลงทุนเป็นนโยบายเปิดประเทศ เพื่อดึงเม็ดเงินจากกลุ่มนักธุรกิจทั่วโลกพร้อมเสนอสิทธิพิเศษในรูปแบบต่างๆ

ข้อมูลจากเว็บไซต์ https://premierconsultancy.com/th/st-lucia/ ระบุว่า การเป็นพลเมืองโดยการลงทุน หรือ Citizen ship by Investment Program คือ การได้รับสัญชาติ ด้วยโปรแกรมการลงทุน ซึ่งประเทศกลุ่มหมู่เกาะเหล่านี้เสนอสิทธิพิเศษดึงดูดนักท่องเที่ยว และนักลงทุน ให้เข้ามาซื้อสัญชาติ

ประเทศเซ็นต์ลูเซีย ระบุว่า เป็นประเทศอธิปไตยเพียงประเทศเดียวที่ได้รับการตั้งชื่อตามนักบุญหญิง เกาะนี้เป็นสัญลักษณ์ของการผจญภัย มีภูมิอากาศแบบเขตร้อน ชายหาดและภูมิทัศน์ที่สวยงาม ความงามของเกาะเขียวขจีและมีมหาสมุทรที่น่าดึงดูด

โปรแกรมการเป็นพลเมืองค่อนข้างใหม่เมื่อเทียบกับหมู่เกาะแคริบเบียนอื่นๆ แต่ยังคงเป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการรับหนังสือเดินทางเล่มที่สองที่แข็งแกร่ง

นอกจากนี้เว็บไซต์ดังกล่าวยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ประเทศเซนต์คิตส์และเนวิส (St. Kitts and Nevis) ประเทศสองเกาะในทะเลแคริบเบียนว่า ชาวคิตติเตียนเคยประสบภัยพิบัติรุนแรงจากพายุเฮอร์ริเคน ทำให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลซึ่งเป็นเส้นเลือดหลักของเศรษฐกิจเกือบล่มสลาย

รัฐบาลจึงจับมือกับบริษัทที่ปรึกษาทางกฎหมายได้เริ่มโครงการจำหน่ายสัญชาติตั้งแต่ปี 2527 เริ่มต้นที่ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (7.5 ล้านบาท)- ปัจจุบัน รายได้จากโครงการดังกล่าวคิดเป็นราวร้อยละ 20

“เซนต์คิตส์-เนวิส เกรเนดา -โดมินิกา” ประเทศยอดฮิต

เว็บไซต์นี้ยังระบุอีกว่า รูปแบบหนังสือเดินทางของการเป็นพลเมืองในทะเลแคริบเบียนที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว และผู้สนใจลงมากที่สุด คือ ประเทศเซนต์คิตส์,เนวิส เกรเนดา และโดมินิกา

โดยแต่ละแห่งเสนอทางเลือกการพักอาศัยในประเทศอื่นๆ ในเครือของ CARICOM ว่า มีหมู่เกาะ แอนติกาและบาร์บูดา บาฮามาส บาร์เบโดส เบลีซ โดมินิกา เกรนาดา กายอานา เฮติ จาเมกา มอนต์เซอร์รัต เซนต์ลูเซีย เซนต์คิตส์และเนวิส เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ ซูรินาเม และ ตรินิแดดและโตเบโก

โดยเว็บไซต์นี้ยังระบุอีกว่า Dixcart คือ ผู้ให้บริการที่ได้รับใบอนุญาตสำหรับโครงการพลเมืองผ่านการลงทุน St Kitts & Nevis Citizenship by Investment และยังสามารถช่วยในการประสานงานการสมัครสำหรับโครงการ Grenada และ Dominica อีกด้วย

ผู้ซื้อสัญชาติผ่านโครงการลงทุนที่เกรนาดา ผู้สนใจสมัครโครงการพลเมืองผ่านการลงทุน ก็จะมีสิทธิเหมือนพลเมืองชาวเกรนาเดียลคนอื่นๆ รวมทั้งสิทธิในการถือสองสัญชาติ ไม่ต้องสอบสัมภาษณ์ ไม่ต้องแจ้งผลการศึกษา หรือการจัดการ เกรนาดาอยู่ในรายชื่อประเทศที่ยื่นขอวีซ่า E2 USA

และพำนักในประเทศอื่นๆ ของ CARICOM สามารถเดินทางไปประเทศต่างๆ รวมทั้งเครือจักรภพมากกว่า 115 ประเทศ รวมถึงสหราชอาณาจักร ยุโรป สิงคโปร์ ฮ่องกง และประเทศล่าสุด สาธารณรัฐประชาชนจีนและเพื่อให้มีคุณสมบัติในการเป็นพลเมือง

นักท่องเที่ยวสามารถเลือกสัญชาติตามตัวเลือกการลงทุนได้ เช่น การลงทุนด้านอสังหา ต้องมีมูลค่าขั้นต่ำ 220,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากที่ได้รับอนุมัติ อสังหาริมทรัพย์จะต้องถือไว้อย่างน้อยห้าปี

ในขณะที่กองทุนการเปลี่ยนแปลงแห่งชาติ (NTF) ผู้สมัครจะต้องมีส่วนร่วมในจำนวนเงินที่กำหนดซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ติดตามที่พวกเขามี เช่น ผู้สมัครและครอบครัว มีสมาชิกไม่เกินสี่คนจะต้องบริจาคเงิน 200,000 เหรียญสหรัฐ สำหรับผู้อยู่ในอุปการะเพิ่มเติม หลังจากผู้อยู่ในอุปการะคนที่สาม ความต้องการเงินสมทบคือ 25,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อผู้อยู่ในอุปการะ 

ส่วนประเทศโดมินิกา กำหนดคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการว่า Dixcart ในฐานะตัวแทนจะเป็นผู้กรอกแบบ ฟอร์มให้ทั้งหมด นักลงทุนจะได้รับอนุญาตให้ถือสองสัญชาติ เดินทางโดยไม่ต้องขอกว่า 120 ประเทศ

รวมถึงสิงคโปร์และฮ่องกง สหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักร โดยพลเมืองเศรษฐกิจของโดมินิกามีสิทธิเช่นเดียวกับชาวโดมินิกาที่เกิดผู้ถือสัญชาติโดยการลงทุนจะมีสองทางเลือก คือ การซื้ออสังหาริมทรัพย์ขั้นต่ำ 200,000 เหรียญสหรัฐ ซึ่งจะต้องถือไว้อย่างน้อย 3 ปี และหากต้องการถือกรรมสิทธิในทรัพย์สินจะต้องถือไว้เป็นเวลา 5 ปี จึงมีสิทธิขายต่อได้ภายใต้โครงการสัญชาติโดยการลงทุน

หรือลงทุนผ่านกองทุนกระจายความหลากหลายทางเศรษฐกิจ (EDF) กองทุนดังกล่าวเปิดรับสมัครผู้ลงทุนหลายรูปแบบ ผู้สมัครคนเดียว หรือเป็นผู้สมัครหลักและคู่สมรส และผู้สมัครที่มีผู้ติดตามที่มีคุณสมบัติถึงสามคน ราคาค่าสมัครจะแตกต่างกันไป

ความมั่นคงจับตาผู้ถือ 2 สัญชาติพลเมืองลงทุน

แหล่งข่าวด้านความมั่นคง เปิดเผยว่า การถือสัญชาติใดๆ สำหรับนักธุรกิจที่เข้ามาลงทุนอย่างถูกต้องตามกฎหมายไม่ว่าจะเป็นประเทศใดก็ตามไม่ผิด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก็ใช้วิธีการขายบัตรพิเศษ หรือ “ไทยแลนด์ อีลิทคาร์ด” ให้นักท่องเที่ยวที่อยากเข้ามาอยูในเมืองไทย เป็นวีซาระยะยาว 4 ประเภท มีระยะเวลาตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี

โดยให้สิทธิพิเศษตั้งแต่ การตรวจคนเข้าเมือง การกีฬา อาหาร และสุขภาพตามไลฟ์สไตล์อีลิทเมืองไทย มีราคาที่ 800,000-1,000,000 บาท และให้รัฐวิสาหกิจภายใต้การดูแลของการท่องเที่ยวฯ เป็นผู้บริหารจัดการ

แต่ไม่ให้สิทธิการลงทุนหรือขายสัญชาติเหมือนกับกลุ่มประเทศหมู่เกาะ จึงน่าสนใจกรณีหากมีนักลงทุนจีนเทาใช้วีซาประเภทนี้เข้ามาลงทุนหรือสวมบัตร หรือการฟอกเงินผิดกฎหมาย

แหล่งข่าวระบุอีกว่า การเปลี่ยนประเภทวีซ่าให้กลุ่มจีนเทาจะส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศในระยะยาว หากคนกลุ่มนี้ไปลงทุนทำธุรกิจมืดเปิดบ่อน ผับ บาร์ พนันออนไลน์ ยาเสพติด เจ้าหน้าที่ที่ร่วมอยู่ในขบวนการจะถือหุ้นลมต่อเนื่องยาวไป และเมื่อทุกคนรู้ช่องทางทำผิดกฎหมายก็จะวนลูปเป็นวงจรอุบาทว์ไม่จบสิ้น

สิ่งที่ทำได้ขณะนี้ คือการเก็บข้อมูลประเทศที่ให้สิทธิพลเมืองผ่านการลงทุนว่า การขายสัญชาติให้นักท่องเที่ยวหรือนักลงทุนต่างชาติจะส่งผลกระทบต่อเราอย่างไรบ้าง

ทั้งนี้ข้อมูลของกองตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ระบุว่า มีคนจีนที่ลักลอบเข้าเมืองโดยวิธีการดังกล่าวประ มาณ 5,000 คน ระหว่างปี 2563-2564 เป็นพื้นที่ความรับผิดชอบของ ตม.4 ในภาคอีสาน ออกผิดวีซาผิดกฎหมาย กว่า 3,000 คน และ พื้นที่ ตม.5 รับผิดชอบภาคเหนือ มีออกวีซาผิดกฎหมายกว่า 1,000 คน 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง