ยื่นคำร้องศาลฎีกา "ธาริต"กล่าวหา "อภิสิทธิ์-สุเทพ"สลายชุมนุม'53

อาชญากรรม
10 ก.ค. 66
10:19
1,789
Logo Thai PBS
ยื่นคำร้องศาลฎีกา "ธาริต"กล่าวหา "อภิสิทธิ์-สุเทพ"สลายชุมนุม'53
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ลุ้นคำพิพากษาฎีกา "ธาริต" กล่าวหา “อภิสิทธิ์-สุเทพ” คดีสลายชุมนุมนปช.ปี 2553 หลังเลื่อนมาครบ 10 ครั้ง วันนี้ยื่นคำร้องขอให้เปลี่ยนองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกา ห่วงไม่ได้รับความเป็นธรรม

วันนี้ (10 ก.ค.2566)  นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เดินทางมาฟังคำพิพากษา ศาลฎีกาคดีที่ถูกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ยื่นฟ้องนายธาริต และชุดพนักงานสอบสวนดีเอสไอรวม 4 คน ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และกลั่นแกล้งผู้อื่นให้ได้รับโทษทางอาญา จากการกล่าวหาว่าใช้อาวุธสั่งฆ่าประชาชน จากการสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช.เมื่อปี 2553 หลังจากเลื่อนฟังคำพิพากษาของศาลฎีกา จากปัญหาสุขภาพครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่ 10

นายธาริต กล่าวก่อนขึ้นฟังคำพิพากษาว่า เช้าวันนี้ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาโต้แย้งคัดค้านองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาชุดเดิมที่ได้พิจารณาคดีนี้ เนื่องจากเพิ่งได้รับหลักฐานที่เชื่อได้ว่านายสุเทพ ในฐานะอดีตแกนนำ กปปส. มีความเกี่ยว ข้องกับอดีตประธานศาลฎีกา และผู้พิพากษาอีกจำนวนหนึ่ง

อีกทั้งนายสุเทพ ได้เคยยื่นฟ้องว่านายธาริต กลั่นแกล้งให้ได้รับโทษในคดีทุจริตก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน จึงเชื่อว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในการพิจารณาคดีนี้อีก

คำร้องครั้งนี้ได้ขอให้ศาลฎีกาทบทวนคำพิพากษา และให้เข้าในองค์ประชุมใหญ่ศาลฎีกา เพราะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องทบทวนคำพิพากษา ใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย รวมทั้งไม่เชื่อมั่นในอดีตประธานศาลฎีกา และผู้พิพากาษาบางคน

นายธาริต ยังระบุว่าหากวันนี้ศาลฎีกา มีคำพิพากษาเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ ก็อาจจะส่งผลต่อคดีของกลุ่ม นปช.ที่ปัจจุบันที่ผ่านมาแล้ว 13 ปี ที่ไต่สวนสาเหตุการตายไปเพียง 27 คนจาก 99 คน

ส่วนบางคดีพนักงานสอบสวนยุติการทำคดีไปแล้ว เนื่องจากไม่รู้ตัวผู้กระทำความผิด และบางส่วนเมื่อถึงชั้นอัยการศาลทหารก็สั่งไม่ฟ้องคดีไปแล้ว ทั้งที่มีพยานหลักฐานว่าการไต่สวนสาเหตุการตายว่ามาจากกระสุนฝ่ายทหาร

อ่านข่าวเพิ่ม "ธาริต” เปิดเบื้องหลังคดี 99 ศพ ก่อนฟังศาลฎีกาวันที่ 10 ก.ค.

ธาริต ฟังคำพิพากษาศาลฎีกาคดีที่ถูกนายอภิสิทธิ์ -นายสุเทพ  ยื่นฟ้องกล่าวหาสั่งสลายการชุมนุมปี 2553 หลังจากเลื่อนฟังคำพิพากษาครบ 10 ครั้ง

"ธาริต" ฟังคำพิพากษาศาลฎีกาคดีที่ถูกนายอภิสิทธิ์ -นายสุเทพ ยื่นฟ้องกล่าวหาสั่งสลายการชุมนุมปี 2553 หลังจากเลื่อนฟังคำพิพากษาครบ 10 ครั้ง

"ธาริต" ฟังคำพิพากษาศาลฎีกาคดีที่ถูกนายอภิสิทธิ์ -นายสุเทพ ยื่นฟ้องกล่าวหาสั่งสลายการชุมนุมปี 2553 หลังจากเลื่อนฟังคำพิพากษาครบ 10 ครั้ง

โต้กลับนิพิฏฐ์-ราเมศ บิดเบือนข้อเท็จจริง

ส่วนกรณีที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ และนายราเมศ รัตนะเชวง ออกมาเปิดเผยว่า นายธาริต เลอะเลือนที่ดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพนั้น นายธาริต กล่าวว่า คดีนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ คดีของกลุ่ม นปช. ที่ออกมาเคลื่อนไหวซึ่งขณะนั้นก็ได้แจ้งข้อกล่างหาดำเนินคดีกับแกนนำที่กระทำความผิดแล้ว

อีกส่วนคือ การดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ที่พบหลักฐานว่าเป็นผู้ออกคำสั่งให้ทหารใช้อาวุธจริงในการควบคุมสถานการณ์ จึงเห็นว่านานิพิฏฐ์ และนายราเมศ เป็นนักการเมืองที่บิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมกับตั้งคำถามกลับว่าใครกันแน่ที่เลอะเลือน

ขณะที่การต่อสู้ในคดีนี้ตลอดทั้ง 3 ศาล นายธาริต ระบุว่า กรณีที่สำนักงานป.ป.ช. มีมติว่านายอภิสิทธิ์ กับนายสุเทพ ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายแล้ว ไม่ใช่ว่าจะยังไม่มีความผิด เพราะหลังจากศาลฎีกายกฟ้องคดีแล้ว ได้ส่งสำนวนให้สำนักงาน ป.ป.ช.ไปไต่สวนอีกครั้ง ก่อนที่จะให้กลับมายื่นฟ้องใหม่ พร้อมขอให้สื่อมวลชนไปติดตามกับ ป.ป.ช.ว่าคดีดังกล่าวไปถึงไหนแล้ว

วันนี้หากตัดสินว่าตัวเองมีความผิด ก็จะถือว่ารับรองการออกคำสั่งของนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ใช้อาวุธจริงสลายการชุมนุมเป็นไปด้วยชอบแล้ว รวมทั้งผู้บาดเจ็บกว่า 2,000 คน และผู้เสียชีวิต 99 คน ก็จะไม่ได้รับโอกาสลดใช้ค่าเสียหาย และตัวเองก็ต้องโทษจำคุก

นายธาริต ยืนยันว่า การยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาพิจาณาในวันนี้ไม่ใช่การประวิงเวลา แต่เพิ่งได้รับหลักฐานมาจึงต้องร้องให้ตรวจสอบ ส่วนจะต้องใช้เวลาอีกนานหรือไม่ในการพิจารณาคำร้อง ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลฎีกา

นอกจากนี้ก็ได้ส่งคำร้องขอให้ศาลฎีกา ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตีความการฟ้องตามกฎหมายมาตรา 157 และ 200 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ อีกหนึ่งคำร้อง

ทนายสุเทพ ชี้ "ธาริต"เลื่อนนัด 10 ครั้ง

ขณะที่นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ โจทก์ในคดี เห็นว่าการแถลงของนายธาริต เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่ผ่านมา เห็นว่าไม่เกี่ยวข้องกับการอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาในวันนี้ และเห็นว่าคดีนี้นายธาริต ขณะเป็นอธิบดีดีเอสไอ ได้ทำคดีของกลุ่ม นปช. ว่าก่อการร้าย แต่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลก็กลับทำคดีใหม่กล่าวหาว่า นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ สั่งฆ่าประชาชนในการสลายชุมนุม นปช.จากการออกคำสั่งของผู้อำนวยการ ศอฉ.

ส่วนการยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา ขอให้ศาลฎีกาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเกี่ยวกับข้อกฎหมายมาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้น เห็นว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจของศาลฎีกาว่าจะมีความเห็นอย่างไร

ซึ่งก่อนหน้านี้ นายธาริต กลับคำให้การเป็นรับสารภาพ โดยพร้อมจะชดใช้เงินหลักแสนบาทให้กับโจทก์ทั้ง 2 คน แต่ทั้ง 2 คนปฏิเสธรับเงิน ไม่ได้มีเงื่อนไขที่ว่าส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ

นายสวัสดิ์ ระบุว่า ตั้งแต่เป็นทนายความมา ยังไม่เคยเห็นว่าจำเลยจะขอเลื่อนฟังคำพิพากษาถึง 10 ครั้ง จากการอ้างว่าเจ็บป่วย คดีนี้ถือเป็นคดีแรก เช่นเดียวกับคดีทุจริตสร้างสถานีตำรวจ นายธาริต ก็ขอเลื่อนฟังคำพิพากษาเช่นกันแต่ไม่เยอะเท่าคดีนี้

ส่วนวันนี้ศาลจะอ่านคำพิพากษา หรือเลื่อน ก็แล้วแต่ดุลยพินิจของศาล หลังจากที่นายธาริต ได้ขอยื่นคำร้องใฟ้ศาลฎีกาพิจารณาเพิ่มเติม

ต่อมาเมื่อ 10.00 น.ศาลเลื่อนฟังคำพิพากษา เป็นเวลา 14.30 น. วันนี้ เหตุจำเลยยื่นคำร้องให้ศาลฎีกาพิจารณา 2 เรื่อง คือ ให้ศาลฎีกาพิจารณาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตีความ เรื่องกฎหมายที่โจทก์ฟ้อง ม.157 และ 200 และคำร้องที่เช้าวันนี้ขอให้เปลี่ยนองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกา

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง