6 บ่วงรั้ง “พิธา” ทำให้ก้าวไม่ถึงฝั่งฝัน

การเมือง
12 ก.ค. 66
15:28
3,771
Logo Thai PBS
6 บ่วงรั้ง “พิธา” ทำให้ก้าวไม่ถึงฝั่งฝัน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

เผือกร้อนคดีแรกหลังคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยกรณี “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ถือหุ้นสื่อบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) 42,000 หุ้น ว่า สมาชิกภาพ ส.ส. ของ “พิธา” จะสิ้นสุดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) ประกอบมาตรา 101 (6) หรือไม่ รวมทั้งขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. จนกว่าศาลฯ จะมีคำวินิจฉัยออกมา

นอกจากคดีดังกล่าวที่อาจจะส่งผลกระทบทำให้ “พิธา” พ้นสมาชิกภาพความเป็น ส.ส. แล้ว

ยังมีอีกหลายคำร้องที่กำลังถูกตรวจสอบและอยู่ระหว่างการตรวจสอบในเรื่องอื่นๆ จากองค์กรอิสระที่มีหน้าที่และสื่อที่สำคัญรวม 6 คดี ซึ่งทำให้ “พิธา” ก้าวไปไม่ถึงฝั่งฝัน

-คดีขายที่ดินจำนวน 14 ไร่ ที่ ต.วังก์พง อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมิน ซึ่งที่ดินแปลงนี้พิธาได้ยื่นแสดงในบัญชีรายการทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตอนรับตำแหน่ง ส.ส. ปี 2562 ระบุเป็นทรัพย์ที่ "ได้รับมรดก" มูลค่าในขณะนั้น 18 ล้านบาท

ปัจจุบันที่ดินแปลงนี้เปลี่ยนมือไปแล้วโดยพิธาทำสัญญาขายให้ นายดนัย ศุภการ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใน อ.หัวหิน เมื่อวันที่ 27 มี.ค.2566 ราคา 6,500,000 บาท ซึ่งเป็นช่วงหลังจากหลังยุบสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 20 มี.ค.2566 ประมาณ 7 วัน ขณะที่ราคาที่เจ้าหน้าที่ประเมินราคาที่ดินแปลงนี้อยู่ที่ 8,777,185 บาทหมายความว่า เจ้าของได้จดทะเบียนขายในราคาต่ำกว่าราคาประเมิน 2,277,185 บาท

-พิธาอาจยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สินไม่ถูกต้องครบถ้วนต่อ ป.ป.ช. โดยไม่แจ้งการถือหุ้นในบริษัท “พรพนา พลัส” ธุรกิจครอบครัวของตระกูล ลิ้มเจริญรัตน์ โดยนายพิธา มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นลำดับที่ 3 จำนวน 1,000 หุ้น หุ้นละ 100 บาท รวมเป็นเงิน 100,000 บาท

-คดีไซฟอนเงิน จากรายงานผู้ตรวจสอบบัญชีพบบริษัท ออยล์ฟอร์ไลฟ์ ธุรกิจผลิตน้ำมันรำข้าว ครอบครัวของพิธา ให้กู้ยืมระยะสั้นให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกันกว่า 117 ล้านบาท (ในช่วงที่พิธาเป็นกรรมการบริษัท 5 ต.ค.49-6 มี.ค.60) แต่ไม่ได้จ่ายหนี้คืน สุดท้ายต้องตัดหนี้สูญ ต่อมาพิธาลาออก ญาติต้องรับภาระแบกหนี้จาก “การไซฟอนเงิน” จนถูกฟ้องร้อง และมีคดีอยู่ที่ศาลล้มละลายกลาง

-หลัง ป.ป.ช. เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของพิธา หลังพ้นตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 พบข้อเท็จจริงที่นายพิธา แจ้งไว้บางส่วนที่อาจเกี่ยวข้องกับลักษณะต้องห้ามตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3)

มีการร้องต่อ กกต. ว่า หนังสือ 4 เล่ม คือ หนังสือวิถีก้าวไกล,ความรัก คือการตกหลุมรักหลายๆ ครั้ง, ไม่สนว่าเก่งมาจากไหน,ด้วยรักจากอนาคตที่เขียน โดยพิธาและผู้อื่น และจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

มีลายมือพิธา เขียนว่า มีรายได้จากการขายทรัพย์สิน คือ หนังสือ และมีทรัพย์สินรายการสิทธิและสัมปทาน อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตราที่เกี่ยวข้อง

คือ “มาตรา 98 บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (3) เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ” และมาตรา 101 สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง เมื่อ (6) มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98

ดังนั้นการที่นายพิธา แจ้ง ป.ป.ช. ด้วยลายมือตัวเองว่า มีรายได้จากการขายหนังสือ และมีการแจ้งชื่อหนังสือไว้ 4 รายการ ซึ่งนายพิธา เป็นผู้เขียนด้วยตัวเองหรือร่วมกับผู้เขียนอื่นนั้น จะทำให้พิธา เข้าข่ายเป็น “เจ้าของ” ในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ หรือไม่ จึงขอให้ กกต. ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยด้วย

-คดีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่าการกระทำของ นายพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 2 ที่เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา เพื่อยกเลิก มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง

และยังคงดำเนินการต่อเนื่องในการใช้สิทธิและเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่

คดีนี้ล่าสุดอัยการสูงสุด ได้ทำหนังสือตอบกลับไปที่ศาลรัฐธรรมนูญแล้วก็ตาม แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

 ด่วน กกต.มีมติ ส่งศาล รธน.วินิจฉัยสมาชิกภาพ "พิธา" ปมถือหุ้นสื่อ

"วันนอร์" วางกรอบโหวตนายกฯ ย้ำยึด รธน.-ข้อบังคับการประชุม

มติ ปชป.งดออกเสียงโหวตนายกฯ 13 ก.ค. ย้ำไม่หนุนพรรคแก้ ม.112

ข่าวที่เกี่ยวข้อง