พบ "โครงกระดูกมนุษย์โบราณ 3 ร่าง" สนามกีฬานครศรีธรรมราช

อาชญากรรม
26 ก.ค. 66
14:28
3,249
Logo Thai PBS
พบ "โครงกระดูกมนุษย์โบราณ 3 ร่าง" สนามกีฬานครศรีธรรมราช
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
พบโครงกระดูกมนุษย์ 3 ร่างอยู่ในบล็อกปูน พื้นที่ก่อสร้างระบายน้ำ สนามกีฬากลางนครรีธรรมราช คาดเป็นสุสานเก่าฝังศพมานาน 200 ปี ประสานกรมศิลปากรเข้าตรวจสอบ

วันที่ 25 ก.ค.2566 ตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบพื้นที่ก่อสร้างทำระบายน้ำ หลังสนามฟุตบอล 2 สนามกีฬากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ต.ท่าวัง อ.เมืองนครศรีธรรมราช หลังจากรับแจ้งพบโครงกระดูกถึง 3 ร่าง อยู่ใกล้กัน

เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่า บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่แนวก่อสร้าง โดยคนงานนำรถแบคโฮมาขุดหลุมเป็นแนวจากทิศใต้ไปยังทิศเหนือ เพื่อเทปูนสร้างท่อระบายน้ำ ลึกประมาณ 1 เมตร

ในแนวขุดพบโครงกระดูกมนุษย์ถึง 3 จุด แต่ละจุดห่างกัน 20-30 เมตร เป็นกระดูกคล้ายกับท่อนแขน ท่อนขา และกะโหลกศีรษะรวม 3 ร่าง ลักษณะโครงร่างมีสัดส่วนที่ใหญ่กว่ากระดูกคนในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังพบเป็นกระดูกชิ้นเล็กชิ้นน้อยจำนวนหลายสิบชิ้น ซึ่งกระดูกที่พบนั้นคล้ายกับถูกฝังในบล๊อกปูนเก่า คล้ายเป็นแนวสุสาน หรือฮวงซุ้ยเก่าแก่

จุดพบโครงกระดูกโบราณ

จุดพบโครงกระดูกโบราณ

จุดพบโครงกระดูกโบราณ

ขณะที่เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ซากกระดูกดังกล่าวเป็นคนสมัยก่อนที่ถูกฝังไว้นานแล้ว ก่อนที่จะมีการสร้างสนามกีฬากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเดิมที่ดินบริเวณนี้เป็นของคหบดีในสายตระกูล "ชาติตระการโกศล" ได้บริจาคให้จังหวัดนครศรีธรรมราช สร้างเป็นสนามกีฬาเมื่อหลายสิบปีก่อน

บริเวณโดยรอบอาจเป็นสุสานเก่า หรือฮวงซุ้ยเก่า เป็นที่น่าสังเกตว่าอยู่ในแนวเดียวกันกับพื้นที่เก่าแก่ของโรงเรียนศรีธรรมราชศึกษา มีฮวงซุ้ยบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์นครศรีธรรมราช ถูกฝังอยู่มาแล้วมากกว่า 200 ปี

ตร.-หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบจุดพบโครงกระดูกโบราณ

ตร.-หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบจุดพบโครงกระดูกโบราณ

ตร.-หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบจุดพบโครงกระดูกโบราณ

ก่อนหน้านี้ในโครงการเดียวกันนี้ มีการพบโครงกระดูกแล้ว 1 ร่าง และครั้งนี้มาพบอีก 3 ร่าง รวมเป็น 4 ร่างแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ได้เก็บซากโครงกระดูกทั้งหมดไว้เพื่อตรวจพิสูจน์ รวมทั้งประสานเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร และกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง