ทิ้ง “ก้าวไกล” หวังตั้งรัฐบาลสะดุด ศาล รธน.สั่งเลื่อนชี้ปมชื่อพิธา “รอบ 2”

การเมือง
3 ส.ค. 66
15:57
229
Logo Thai PBS
ทิ้ง “ก้าวไกล” หวังตั้งรัฐบาลสะดุด ศาล รธน.สั่งเลื่อนชี้ปมชื่อพิธา “รอบ 2”
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
การเลิกเอ็มโอยูเดิม ขอถอนตัวจาก 8 พรรคร่วมเดิม ตั้งรัฐบาลขั้วใหม่ของพรรคเพื่อไทย คือสิ่งที่คาดหมายมาตั้งแต่ต้น

จากนี้ไปพรรคเพื่อไทยจะมีอิสระเลือกพรรคการเมืองใดก็ได้ มาร่วมรัฐบาล แต่ต้องแลกมาด้วยต้นทุนสูงลิบลิ่ว ท้าทายมวลชนครั้งใหญ่ ว่าจะมีพลังจริงหรือไม่

นอกจากนี้ยังรวมถึงการส่งชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี จะมีงานเข้างานงอกจาก “เฮียชู” นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ประกาศจองกฐินล่วงหน้าไว้หรือไม่

หากประเมินคะแนนเสียงสนับสนุน ในส่วน สส. นอกจากพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำแล้ว เชื่อว่า จะมีพรรคภูมิใจไทย 71 เสียง ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง ประชาชาติ 9 เสียง และพรรคเล็กพรรคจิ๋วส่วนใหญ่ แต่จะยังไม่ถึงกึ่งหนึ่งของที่ประชุมสภาผู้แทนฯ

ดังนั้น จึงต้องดึงพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมด้วยอีก 1 พรรค ตัวเลข สส.รวมจะตกประมาณ 265 เสียง แต่สูตรนี้ วิปแต่ละพรรคต้องทำงานหนัก ห้ามขาดห้ามลา รอเวลาหาเสียง สส.มาเติมในภายหลัง

เหมือนกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เสียงหนุนจาก สส.หลังการเลือกตั้งปี 2562 แค่ 251 เสียง เกินกึ่งหนึ่งเพียงเสียงเดียว ก่อนที่ในเวลาต่อมา จะมีเสียงมาเติมหลังการยุบพรรคอนาคตใหม่ และมีงูเห่าจากพรรคเล็ก จนอยู่ครบ 4 ปี แต่อาศัย สว. คอยประคับประคอง

ส่วนเสียงหนุนจาก สว. ฟังจากท่าที สว.ตัวตึง นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ยืนยันว่า สว.พร้อมโหวตหนุน หากไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมอยู่ด้วย แต่จะเป็นเสียงส่วนใหญ่หรือไม่ ต้องคอยลุ้น เพราะจะมี สว.อีกส่วนหนึ่ง จะงดออกเสียง หรือปิดสวิตช์ สว. อย่างที่ พญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันทน์ ได้ประกาศไว้ และอาจรวมถึงผบ.เหล่าทัพ ที่ประกาศคงความเป็นกลาง

ปัญหาใหญ่น่าอยู่ที่ตัวนายเศรษฐาเอง เพราะการเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ที่นำพาแสนสิริกรุ๊ป เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำกำไรมหาศาล แม้แต่ในช่วงโควิด 19 แพร่ระบาด ด้านหนึ่งเป็นเรื่องฝีมือการบริหารงาน มีวิสัยทัศน์ แต่จะมีปัจจัยจากแรงหนุนอย่างอื่นหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องรอฟังข้อมูลจากนายชูวิทย์ ที่เคยขู่จะแฉหลักฐานเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน หรือ Conflic Of Interest ตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม 2566

โดยอ้างว่าเกี่ยวข้องกับปมเลี่ยงภาษี 500 ล้านบาท แต่ทั้งนี้นายชูวิทย์ ยังไม่ได้แสดงหลักฐานชัดเจน และนายเศรษฐา ได้ออกมาปฏิเสธ ยืนยันความโปร่งใสแล้ว แต่กระนั้นหากมีข้อร้องเรียนดังกล่าวจริง จะมีผลต่อความสง่างาม ความโปร่งใสในการทำธุรกิจ และภาพพจน์การเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 อย่างเลี่ยงไม่ได้

ขณะที่การปล่อยคลิปของพรรคเพื่อไทย ในโลกออนไลน์ ช่วง 2-3 วัน หลังมานี้ โดยเฉพาะคำปราศรัยบนเวทีของนายเศรษฐา สื่อสะท้อนในทีว่า ขอโอกาสเดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องประชาชนเป็นสำคัญ

รวมทั้งการปัดฝุ่นนโยบายดิจิทัลวอลเลต คนละ 1 หมื่นบาท กลับมาโปรโมทใหม่อีกครั้ง แต่ก็ต้องลุ้นด่านผู้ชุมนุม ภายใต้แกนนำรุ่นที่ 3 ว่าจะจุดติดแค่ไหน

แม้จะหยิบยกเรื่องเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2560 โดยตั้ง สสร.ขึ้นทำหน้าที่ทันที หากร่างเสร็จจะคืนอำนาจให้ประชาชนเพื่อเลือกตั้งใหม่ แต่เท่ากับ พรรคเพื่อไทยต้องกลับคืนสู่สมรภูมิเลือกตั้งอีกครั้ง โดยมีอนาคตของพรรคเป็นเดิมพัน ว่าจะได้ศรัทธาจากผู้คนกลับคืนมา หรือสุ่มเสี่ยงต่อการนับถอยหลังของพรรคที่เคยยิ่งใหญ่ รอเวลาล้มหายตายจากตามวัฏจักรการเมืองไทย

ขณะที่พรรคก้าวไกล ต้องกลับไปสวมบทบาทเดิม คือฝ่ายค้าน เป็นหนามยอกอกสำคัญสำหรับรัฐบาลใหม่ที่นำโดยพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นที่ทราบกันดีในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะกระทู้สด หรือญัตติอภิปรายไม่ไว้วางรัฐบาล พวกเขาได้สร้างมิติใหม่ทางการเมือง หาข้อมูลเพิ่มเติมชนิดทะลวงไส้ ไม่ใช่แค่ตัดแปะข่าว เหมือนฝ่ายค้านในอดีต

แต่เรื่องเฉพาะหน้า ตั้งรัฐบาลให้เสร็จสิ้นภายใน 4 ส.ค. เพื่อให้เรียบร้อยก่อนคนแดนไกลเดินทางกลับประเทศ ตามแผนงานที่กำหนดไว้ พลันสะดุดอีกรอบ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญยืดเวลาการพิจารณารับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน ปมมติรัฐสภาห้ามเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ รอบ 2 ออกไปเป็นหลังวันที่ 16 ส.ค.

ส่งผลให้การประชุมรัฐสภา โหวตเลือกนายกฯ ส่อเค้าต้องเลื่อนและลุ้นออกไปอีกอย่างน้อย 1 สัปดาห์

วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไทม์ไลน์ 79 วัน เพื่อไทย หักอก ก้าวไกล #มันจบแล้วครับนาย

'วันนอร์' สั่งเลื่อนโหวตนายกฯ รอบ 3 รอศาลวินิจฉัยปมเสนอชื่อ "พิธา" ซ้ำ

"เพื่อไทย" เลื่อนแถลงตั้งรัฐบาล รอคำวินิจฉัยศาล รธน.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง