10 ปี “เมืองใหม่ช่องสะงำ” การพัฒนาที่ยังไร้ทิศทาง

ภูมิภาค
30 ส.ค. 66
13:41
794
Logo Thai PBS
10 ปี “เมืองใหม่ช่องสะงำ” การพัฒนาที่ยังไร้ทิศทาง
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
“ตลาดร้าง ที่ตั้งอยู่ไกล ทำเลไม่เหมาะสม” ดูเป็นคำนิยามที่หลายคนพูดเอาไว้ เมื่อเห็นสภาพของตลาดเมืองใหม่ช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ตลาดการค้าชายแดน ที่คนในพื้นที่คาดหวังว่าจะเป็นศูนย์กลางการค้าการท่องเที่ยวแห่งใหม่ของชายแดนไทย-กัมพูชา

โครงการพัฒนาพื้นที่ตลาดเมืองใหม่ช่องสะงำ เกิดขึ้นหลังการเปิดจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ ระยะเวลาพัฒนาโครงการ ตั้งแต่ปี( 2546 -2576) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์อนุญาตให้จังหวัดศรีสะเกษ ใช้ประโยชน์ในเขตป่า

ที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้รักษาไว้เป็นสมบัติของชาติ “ป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลา” ท้องที่ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ เนื้อที่กว่า 900 ไร่ ซึ่งจังหวัดได้จัดสรรงบประมาณตามแผนงานยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด กว่า 200 ล้านบาท พัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกเบื้องต้นตามแผนแม่บท

โดยมีการก่อสร้างอาคารสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารพาณิชย์ อาคารสถานีขนส่งสินค้าผู้โดยสาร รวมถึงการให้ก่อสร้างอาคารสำนักงานด่านพรมแดนแห่งใหม่ เพื่อให้ผู้ประกอบการร้านค้าที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภคในตลาดช่องสะงำรายเดิม และผู้ประกอบการที่ตลาดช่องจอม จ.สุรินทร์ และตลาดโรงเกลือ จ.สระแก้ว มาร่วมลงทุน

การค้าในตลาดแห่งใหม่จะมีการซื้อขายวันละ 10 ล้านบาท โดยจังหวัดศรีสะเกษ ได้มอบอำนาจการบริหารจัดการพื้นที่เมืองใหม่ช่องสะงำ ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ โดยต้องจัดสรรงบประมาณปีละกว่า 1 ล้านบาท เพื่อบริหารจัดการ เก็บขยะ แรงงาน ระบบสาธารณูปโภค

แต่ขณะนี้ยังไม่มีแผนการพัฒนาหรือส่งเสริมการค้าภายในตลาดอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้ตลาดเริ่มร้างไร้ผู้คน ปัจจุบันจึงมีเพียงผู้เช่ารายเดิมที่เช่าพื้นที่อยู่ไม่ถึง 10 คน บางส่วนเป็นผู้เช่าชาวกัมพูชา ที่มาเช่าห้องเพื่อเก็บสินค้า หรือแม้แต่ตลาดโรงเกลือซึ่งนักธุรกิจมาลงทุน เพื่อเปิดตลาดตั้งแต่ปี 2558 ปัจจุบันกลายเป็นโกดังร้าง มีแม่ค้าชาวกัมพูชานำขี้ไต้หรือขี้กระบอง ที่ใช้ทำเป็นเชื้อเพลิง มาขายเพียงรายเดียว

แม่ค้าชาวกัมพูชา ระบุว่า เช่าที่ต่อจากเจ้าของล็อคชาวไทย เดือนละ 250 บาท เช่า 6 ห้อง เพื่ออาศัย และนำขี้ไต้มาขายให้กับพ่อค้าชาวไทย รายได้ไม่พอ

คาดหวังว่าสักวันจะมีการพัฒนาตลาดให้กลับมาค้าขาย จึงอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ หรือเจ้าของพื้นที่ มีแผนพัฒนาตลาดหรือการใช้พื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ ที่ตั้งตลาดเมืองใหม่ช่องสะงำ อยู่ห่างจากจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำเกือบ 3 กิโลเมตร รวมถึงชาวกัมพูชาที่จะข้ามมาซื้อสินค้าในฝั่งไทย ต้องทำบอเดอร์พาส เพื่อข้ามแดนมีค่าใช้จ่าย 1,000 บาท มีระยะเวลา 15 วัน ซึ่งถือเป็นอุปสรรคสำคัญ

นายอภิศักดิ์ แซ่จึง รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ มองว่า การพัฒนาตลาดไม่สามารถทำได้เต็มศักยภาพ เพราะที่ผ่านมา อบจ.ศรีสะเกษ ได้พยายามจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่สามารถดึงกลุ่มลูกค้าหรือนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาที่ตลาดเมืองใหม่ช่องสะงำได้

จะมีเพียงวันเปิดตลาด ในวันพฤหัสบดี และวันอาทิตย์ ที่มีพ่อค้าแม่ค้าชาวไทย นำสินค้าเกษตรและสินค้าอุปโภคบริโภค มาขายให้ชาวกัมพูชาแต่ก็ไม่คึกคัก

ต้องจับตาดูกันต่อไปว่า นับแต่นี้องค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ จะทำอย่างไร เพื่อให้ตลาดแห่งนี้มีชีวิตขึ้นมาได้

รายงาน : พจนีย์ ใสกระจ่าง ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส

ข่าวที่เกี่ยวข้อง