เปิดโฉม! ชาวยุโรปอีก 1 หนีคดีฆ่าชายไต้หวันคาห้องพัก

อาชญากรรม
17 พ.ย. 66
15:38
1,461
Logo Thai PBS
เปิดโฉม! ชาวยุโรปอีก 1 หนีคดีฆ่าชายไต้หวันคาห้องพัก
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ตำรวจรวบ 2 ชาวต่างชาติ มือซ้อม-ทรมาน ชายไต้หวันเสียชีวิตคาห้องพักในโรงแรม พร้อมประกาศตามหาผู้ร่วมก่อเหตุอีก 1 คนคาดเป็นชาวยุโรป โดยให้ผู้ที่พบเห็นแจ้งเบาะแสตลอด 24 ชม.

วันนี้ (17 พ.ย.2566) กรณีนาย จู เฉียง เซิ่น ชาวไต้หวัน อายุ 48 ปี ถูกพบเสียชีวิตในห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง พบถูกพันธนาการ ข้อมือ ข้อเท้าและมีบาดแผลจากการถูกทำร้ายตามร่างกาย  

ตำรวจได้เร่งสืบสวนสอบสวน เพื่อติดตามผู้เกี่ยวข้อง กระทั่งพบพยานหลักฐานบ่งชี้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ขอศาลออกหมายจับได้แล้ว 2 คนเคือ นายเจนซี่ ชาวเมียนมา และนายจอห์น แอ็กบอร์ ชาวแคเมอรูน โดยกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตำรวจตามจับได้ย่านศรีนครินทร์

ทั้งนี้จากการสอบปากคำ นายเจนซี่ ให้การภาคเสธ โดยอ้างว่าได้สมัครงานผ่านทางออนไลน์ หลังพบโพสต์หาคนสนใจทำงานสอดแนม สะกดรอย ถ่ายรูป โดยผู้ว่าจ้างเป็นหญิงชาวไทย

จากนั้นได้นัดเจอกันที่ร้านกาแฟ ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ฝั่งธนบุรี จากนั้นก็ได้ร่วมงานสอดแนม สะกดรอย ร่วมกับผู้ต้องหาที่ 2 และยังมีชายชาวยุโรป อีก 1 คน เป้าหมายเพื่อเอาทรัพย์สินของนาย จู เฉียง เซิ่น เนื่องจากหญิงไทยผู้สั่งการแจ้งว่า นาย จู เฉียง เซิ่น มีทรัพย์สินจำนวนมาก และมีประวัติอาชญกรรม โดยวางแผนเข้าเปิดห้องพักในโรงแรมเดียวกันกับผู้เสียชีวิต

จากนั้นช่วงกลางดึกเวลา 01.00 น.ของวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา นายเจนซี่ ได้เข้าห้องผู้เสียชีวิต พร้อมกับชายชาวยุโรป และร่วมกันมัดมือ มัดข้อเท้า รัดเข็มขัด และพันเทปปิดปากนาย จู เฉียง เซิ่น รื้อค้นหาทรัพย์สิน แต่ไม่พบเงิน จึงนำเครื่องคอมพิวเตอร์แบบโน๊ตบุ๊ก โทรศัพท์ ใส่เป้และหนีออกจากห้องพัก

ตลอดการก่อเหตุมีผู้ต้องหาที่ 2 หรือนายจอห์น คอยดูต้นทางด้านหน้าประตู ทั้งยังอ้างว่าในขณะนั้นนายจู เฉียง เซิ่น ยังไม่เสียชีวิต ส่วนผลการสอบปากคำนายจอห์น ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พร้อมอ้างว่าเป็นครูสอนภาษา

ส่วนผู้ต้องหาอีกคน คาดว่าเป็นชาวยุโรป ไม่ทราบสัญชาติ ปรากฎตามภาพวงจรปิด ตำรวจอยู่ระหว่างสืบสวน แกะรอบเพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดี หากประชาชนพบเห็นแจ้งเบาะแสตำรวจได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านสายด่วน 191

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง