ป.ป.ช.ฟันอดีต "ผอ.พศ.-ผอ.กองฯ" ชี้ผิดอาญา-วินัยร้ายแรง "ทุจริตเงินทอนวัด"

อาชญากรรม
20 ธ.ค. 66
16:55
1,598
Logo Thai PBS
ป.ป.ช.ฟันอดีต "ผอ.พศ.-ผอ.กองฯ" ชี้ผิดอาญา-วินัยร้ายแรง "ทุจริตเงินทอนวัด"
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ป.ป.ช.ชี้มูลคดีทุจริตเงินทอนวัด "นพรัตน์" อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ และพวก โดนโทษอาญาและมีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ความเสียหาย 32 ล้านบาท พร้อมให้แจ้งผู้บังคับบัญชาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้ชดใช้ค่าเสียหาย

วันนี้ (20 ธ.ค.2566) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ป.ป.ช.มีมติชี้มูล 2 คดี โดยคดีแรกชี้มูลความผิดนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, น.ส.ประนอม คงพิกุล ผู้อำนวยการกองพุทธศาสนสถาน และนายวตสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ หรือนายสงกรานต์ สาทาวงศ์ ผู้อำนวยการส่วนบูรณะพัฒนาวัดและการศาสนาสงเคราะห์

ทั้งนี้ มีมูลความผิดทางอาญา คดีทุจริตเงินทอนวัด วัดตำหนัก วัดโพธิ์ทอง และวัดจงกลณี จ.พระนครศรีอยุธยา โดยเรียกรับเงินทอนร้อยละ 90 ของเงินอุดหนุนวัดในปี 2556 อ้างว่าเป็นการส่งคืนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อนำไปใช้ในกิจการอื่นและสนับสนุนวัดในถิ่นทุรกันดารในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

  • วัดโพธ์ทอง ได้รับเงินอุดหนุนตามบันทึกขออนุมัติการมใช้จ่ายเงินเมื่อวันที่ 21 ต.ค.2556 จำนวนเงิน 1,000,000 บาท แต่ได้รับเงินจริงจำนวน 90,000 บาท ส่วนที่เหลือ 900,000 บาท พระครูเกษมวัฒนาภรณ์ ไม่ได้นำไปมอบให้ น.ส.ประนอม ตามที่ตกลงไว้ แต่นำไปใช้ในการก่อสร้างภายในวัดหงษ์
  • วัดตำหนัก (ภาวนาราม) ได้รับเงินอุดหนุนเมื่อวันที่ 13 พ.ย.2556 จำนวน 1,000,000 บาท แต่ได้รับเงินจริงจำนวน 100,000 บาท และส่งมอบคืนให้ น.ส.ประนอม จำนวน 900,000 บาท
  • วัดจงกลณี ได้รับเงินอุดหนุนตามการขออนุมัติเมื่อวันที่ 26 พ.ย.2556 จำนวน 2,000,000 บาท โดยนำเงินสดและแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายคืนให้นางวรัญญู เพชรรัตน์ ซึ่งเป็นพี่น้องกับนายนพรัตน์ จำนวนเงิน 1,600,000 บาท มอบให้แก่ น.ส.ประนอม

คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้ว มีมติแต่ละสำนวนคดี ดังนี้ การกระทำของนายนพรัตน์ มีมูลความผิดอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และมีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง

ส่วน น.ส.ประนอม และนายวสวัตติ์ มีมูลความผิดอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และมีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง

ทั้งนี้ ให้ส่งรายงานสำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจ และส่งรายงานสำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณีต่อไป โดยให้แจ้งผู้บังคับบัญชาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหาย ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ด้วย

นอกจากนี้ ยังชี้มูลความผิดนายนพรัตน์ และพวก ในคดีทุจริตเงินทอนวัดปีงบประมาณ 2557 ที่มีการจัดสรรให้วัดในพื้นที่ภาคกลางจำนวน 5 สำนวนคดี มูลค่าความเสียหาย 28,000,000 บาท ประกอบไปด้วยเงินอุดหนุนการบูรณะและปฏิสังขรณ์วัดที่ประสบวินาศภัย วัดห้วยจระเข้ จ.นครปฐม จำนวน 4,000,000 บาท, วัดใหญ่ จ.สมุทรปราการ จำนวน 4,000,000 บาท, วัดเพลง กรุงเทพมหานคร จำนวน 5,000,000 บาท, วัดเกาะแก้วอรุณคาม จำนวน 5,000,000 บาท และวัดกลางเหนือ จ.สมุทรสงคราม จำนวน 10,000,000 บาท

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

พศ.ไม่ย้าย"ประนอม คงพิกุล" ถูกสอบเงินอุดหนุนวัด-อ้างรอชี้มูลความผิด 

ป.ป.ช.ชี้อดีตข้าราชการ พศ.ผิดวินัยร้ายแรง ทุจริตเงินทอนวัด 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง