"ทองคำขาขึ้น"คาดปี 67 ฉุดไม่อยู่ แนะนักลงทุนถือยาวข้ามปี

เศรษฐกิจ
25 ธ.ค. 66
11:56
44,160
Logo Thai PBS
"ทองคำขาขึ้น"คาดปี 67 ฉุดไม่อยู่ แนะนักลงทุนถือยาวข้ามปี
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
คาดปี67 ราคาทองคำขาขึ้น แนะนักลงทุนถือยาวได้ข้ามปี ชี้ต้นปีหลายปัจจัยหนุน เชื่อเทศกาลตรุษจีนคุกคัก ขณะที่ราคาทองปี 66 แตะระดับสูงสุดประวัติการณ์

วันนี้ (25 ธ.ค.2566) รายงานข่าวจากเว็บไซต์ฮั่วเซ่งเฮง เปิดเผยว่า ราคาทองคำ spot ปีนี้ปรับตัวขึ้นกว่า 12.57% จากต้นปี ซึ่งราคาทองคำปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 2,144 ดอลลาร์ จากปัจจัยหนุนการส่งสัญญาณยุติขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นกว่าเดิม โดยตลาดคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค.2567

ขณะที่ราคาทองคำในประเทศได้ปรับตัวขึ้นกว่า 12.73% และปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 34,250 บาท โดยราคาทองคำในประเทศปรับตัวขึ้นมากกว่าราคาทองคำต่างประเทศ จากแรงหนุนเสริมมาจากค่าเงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อยในปีนี้ โดยเงินบาทอ่อนค่า 0.11%

ทั้งนี้ปีนี้ราคาทองคำได้รับปัจจัยหนุนหลายประการ คือ แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัวลง ทำให้มีการคาดว่าดอกเบี้ยขาขึ้นของเฟดใกล้จะยุติลงแล้ว และเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปี 2567 ซึ่งปัจจัยนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำตลอดทั้งปี ทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นทะลุ All time high 2 รอบ รอบแรกราคาทองคำพุ่งขึ้นแรงสู่ระดับ 2,078 ดอลลาร์ ทะลุ All time high เดิมที่ระดับ 2,075 ดอลลาร์ในอดีต

เฟดส่งสัญญาณว่าอาจหยุดใช้มาตรการขึ้นดอกเบี้ยหลังจากเพิ่มขึ้น 10 ครั้งติดต่อกันตั้งแต่ปีที่ผ่านมา รอบ 2 ราคาทองคำพุ่งขึ้นทะลุ All time high อีกครั้งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,144 ดอลลาร์ จากการคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยปีหน้า

ประการต่อมา คือ ความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซียที่ยังคงดำเนินอยู่ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว และในช่วงเดือนก.ค. รัสเซียไม่ต่ออายุข้อตกลงธัญพืชในทะเลดำ สร้างความกังวลว่าราคาอาหารต่างๆ จะกลับมาพุ่งขึ้นอีกครั้ง และส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อทั่วโลก

นอกจากนี้ ได้เกิดสงครามระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮามาสขึ้นมา สร้างความกังวลในช่วงแรกว่า สงครามอาจขยายเป็นวงกว้างขึ้น หากว่าอิหร่านเข้าร่วมสงคราม เนื่องจากอิหร่านมีแนวโน้มที่จะปิดช่องแคบฮอร์มุซ ที่มีการขนส่งน้ำมันปริมาณรวม 17.2 ล้านบาร์เรลในแต่ละวัน คิดเป็นสัดส่วนถึง 20% ของการขนส่งทั่วโลก ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น กระทบต่อภาวะเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัวลง

อย่างไรก็ตาม สงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาสยังอยู่ในวงจำกัดขณะนี้ และสุดท้ายการที่ธนาคารกลางทั่วโลกเดินหน้าเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำกว่า 842 ตัน ภายใน 10 เดือนแรกของปีนี้ จากปี 2565 ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำเป็นทุนสำรองกว่า 1,136 ตัน หรือมูลค่ากว่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์

ถือเป็นการเข้าซื้อทองคำมากสุดในรอบ 55 ปีนับตั้งแต่ปี 2510 ซึ่งในปีนี้ธนาคารประชาชนจีนได้เข้าซื้อทองคำมากที่สุดกว่า 204 ตัน (ข้อมูลถึง 31 ตุลาคม 2566) รวมเพิ่มปริมาณสำรองเป็น 2,215 ตัน ซึ่งถือว่าเป็นการเดินหน้าเข้าซื้อทองคำติดต่อกันนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2565

อ่านข่าว:

พุ่งแรง ! ทองขึ้น 100 บาท คาดแรงหนุนดอลลาร์อ่อนตัว

และแม้ว่าจะมีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ปริมาณสำรองทองคำยังคิดเป็นเพียง 4% ของทุนสำรองระหว่างประเทศ รองลงมาคือ ธนาคารแห่งชาติแห่งโปแลนด์ที่มีเข้าซื้อทองคำรวมกว่า 111 ตัน โดยธนาคารแห่งชาติแห่งโปแลนด์มีแผนที่จะซื้อทองคำเพิ่มขึ้น 100 ตันในทุกปี โดยจะเพิ่มปริมาณสำรองแตะระดับ 20% จากปัจจุบัน 11% ของทุนสำรอง

อย่างไรก็ตามในสัปดาห์นี้คาดว่าปริมาณการซื้อขายทองคำจะเริ่มเบาบางลง เนื่องจากตลาดการเงินหลายประเทศมีการปิดทำการในวันคริสต์มาส ได้แก่ สหรัฐ ประเทศในกลุ่มยูโรโซน ฮ่องกง ประกอบกับช่วงสัปดาห์สุดท้ายของสิ้นปี นักลงทุนมักจะเริ่มชะลอการซื้อขายลง ก่อนที่จะมีการหยุดยาว และนักลงทุนบางคนอาจจะเริ่มหยุดยาวนับตั้งแต่วันคริสต์มาสไปจนถึงช่วงขึ้นปีใหม่ ปริมาณซื้อขายทองคำจึงอาจเบาบาง

ราคาทองคำจะเริ่มกลับมาร้อนแรงอีกครั้งในช่วงต้นปีหน้า หากนักลงทุนถือทองคำไว้ ยังสามารถถือต่อได้ข้ามปี เพราะต้นปีหน้า คาดว่าราคาทองคำจะกลับมาเป็นบวกอีกครั้ง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ทองคำฉุดไม่อยู่พุ่ง 250 บาท คาดปี 67 ปรับขึ้น แนะนักลงทุนช้อนซื้อ

สำหรับปัจจัยหนุนที่จะทำให้ราคาทองสูงขึ้น เช่น  ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนกับไต้หวัน ซึ่งจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันในเดือนม.ค. แรงซื้อทองคำก่อนเทศกาลตรุษจีน ซึ่งคาดว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาบ้าง

แต่อย่างไรก็ตามแรงซื้อทองคำจากจีนอาจจะเพิ่มขึ้นในอัตราชะลอตัวลง จากแนวโน้มของเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง อัตราดอกเบี้ยขาลงของเฟด ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮามาส รัสเซีย-ยูเครน ก็ยังส่งผลบวกต่อราคาทองคำ อีกทั้งปีหน้าจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่ต้องติดตามที่อาจส่งผลต่อเกมโลกที่อาจเปลี่ยนไป

สำหรับราคาทองวันนี้บวก 50 บาท ราคาทองคำแท่งขายออกบาทละ 33,700 บาท และราคาทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 34,200 บาท ราคาทองรูปพรรณขายออกบาทละ 34,300 บาท และราคาทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 33,094.28 บาท ราคาทองคำตลาดโลก (Gold Spot) อยู่ที่ 2,053.00 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ณ อัตราแลกเปลี่ยนที่ระดับ 34.65 บาทต่อดอลลาร์

 อ่านข่าว:

ลดเพดานดอกเบี้ยไม่เกิน 4.75% ช่วยเเก้หนี้ในระบบกลุ่ม ขรก.

หนี้บ้านพุ่ง 4.9 ล้านล้าน เสี่ยงสูง NPL หอการค้าวอนรัฐเร่งแก้

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง