จับ "อ่อง กิม วาห์" เบอร์ 1 ค้าไอซ์ "ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้"

อาชญากรรม
11 ม.ค. 67
19:07
917
Logo Thai PBS
จับ "อ่อง กิม วาห์" เบอร์ 1 ค้าไอซ์ "ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้"
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ป.ป.ส.จับ "อ้อง กิม วาห์" ผู้ต้องหาค้าไอซ์ เบอร์ 1 ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผยใช้ไทยแหล่งฟอกเงิน-ลำเลียงสาเสพติดส่งประเทศที่สาม เผยส่งผลการค้ายาเสพติดในประเทศไทยลดลงถึง 50 เปอร์เซ็นต์

วันนี้ (11 ม.ค.2567) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการสำนักงาน ป.ป.ส. พร้อมผู้แทนจาก บช.ปส. และ หน่วยปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา (DEA) แถลงการรับตัวนายนายอ่อง กิม วาห์ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำมาดำเนินคดีในไทย หลังผู้ต้องหาถูกทางการ สปป.ลาว จับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.ที่ผ่านมา

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า ป.ป.ส.ติดตามพฤติกรรมนายอ่อง กิม วาห์ มาตั้งแต่ปี 2549 และพบข้อมูลว่า นายออง กิม วาห์ มีหน้าที่เป็นผู้จัดหาและติดต่อประสานงาน ระหว่างเครือข่ายนักค้ายาเสพติดชาวไทย มาเลเซีย จีน สิงคโปร์ และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งฟอกเงินและเป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติดไปประเทศที่สาม เช่น มาเลเซีย ไต้หวัน ออสเตรเลีย

โดย ป.ป.ส.ขอศาลอนุมัติหมายจับนายอ่อง กิม วาห์ ในข้อหาสมคบกันเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเมื่อวันที่ 28 ส.ค.2566 หลังจากเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.2566 เจ้าหน้าที่จับกุมเครือข่ายยาเสพติดของนายอ่อง กิม วาห์ ได้ที่ จ.ราชบุรี พร้อมผู้ต้องหา 7 คน ยึดไอซ์ 998 กิโลกรัม ต่อมาสืบสวนขยายผล ทราบว่า นายอ่อง กิม วาห์ เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง  แต่ผู้ต้องหา ได้หลบหนีไป สปป.ลาว

ต่อมา วันที่ 5 ต.ค.2566 เจ้าหน้าที่ได้บุกตรวจค้นสถานที่ 8 แห่ง ใน 4 จังหวัด คือ กทม. ตราด เชียงราย และ ชลบุรี ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายของนายอ่อง กิม วาห์ และยึดอายัดทรัพย์สิน เช่น ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 1 แปลง คอนโดมิเนียม 2 ห้อง เรือยอร์ช 3 ลำ รถยนต์ 2 คัน รถจักรยานยนต์ 3 คัน อาวุธปืนสั้น 1 กระบอก อาวุธปืนยาว 2 กระบอก เงินสด 275,000 บาท อายัดเงินในบัญชีธนาคาร 10 บัญชี ยอดเงิน 1,542,080 บาท และทรัพย์สินอื่น รวมมูลค่ากว่า 85 ล้านบาท

ตั่งแต่ปี 2561 ถึงปัจจุบัน เครือข่ายของนายอ่อง กิม วาห์ ถูกจับกุมไปแล้ว 35 คน ซึ่งคดีส่วนใหญ่เกิดขึ้นในประเทศมาเลเซียพร้อมยึดไอซ์ 4.4 ตันเฮโรอีนเกือบ 500 กิโลกรัมและโคเคน 12 ตัน และยึดสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์กว่า 320 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 418 ล้านริงกิตมาเลเซีย หรือเป็นเงินไทยกว่า 4,000 ล้านบาท และอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจยึดบริษัทของบุคคลในเครือข่ายเพิ่มเติมอีก 8 แห่ง

รายงานข่าวจาก ป.ป.ส.เปิดเผยว่า การจับกุมผู้ต้องหารายดังกล่าว ซึ่งเป็นผู้ค้ารายใหญ่ ถือเป็นเบอร์ 1 ของภูมิภาคตะวันออกเอเชีย จะทำให้ปริมาณยาเสพติดลดลงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ และคาดว่าจะกวาดล้างและหยุดเครือข่ายดังกล่าวได้

อ่านข่าวอื่นๆ :

สตม.จับชาวเกาหลีค้ายารายใหญ่ "แก๊งเอกมัย" มีหมายแดงติดตัว

DSI บุกค้น 5 บ.ชิปปิ้ง-ห้องเย็น โยงขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง