"เศรษฐา" ย่องเงียบตรวจ ตม.สุวรรณภูมิเจอเองระบบล่ม

การเมือง
6 ก.พ. 67
09:54
221
Logo Thai PBS
"เศรษฐา" ย่องเงียบตรวจ ตม.สุวรรณภูมิเจอเองระบบล่ม
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"เศรษฐา"ย่องเงียบตรวจระบบตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) สนามบินสุวรรณภูมิ เจอเองระบบ Back up System ล่มบ่อย นัดถกแก้ปัญหาระบบตรวจคนเข้าเมืองล่าช้านักท่องเที่ยวต่อคนต้องใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที

วันนี้ (6 ก.พ.2567) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ทวีตข้อความผ่าน X @ Srettha Thavisin ระบุว่า เมื่อเช้าผมไปสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อตรวจติดตามงานด้านการบริการนักท่องเที่ยวของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

หลังจากที่ระบบสำรองข้อมูลหรือ Back up System ล่มหลายครั้งครับ

เป็นที่ทราบกันดีว่าต้นเดือนมี.ค.นี้ จะมีการยกระดับสนามบินทั่วประเทศและเป็นแผนงานใหญ่ โดยเฉพาะสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งเป็นสนามบินหลัก ระบบการตรวจคนเข้าเมือง และวิธีการระบบจัดการทั้งหมดจึงเป็นเรื่องสำคัญ

ไม่อยากแค่ฟังรายงาน แต่อยากมาดูให้เห็นด้วยตา และไม่อยากใช้คำว่าปัญหา แต่จะใช้คำว่าโอกาส ซึ่งจะทำให้ดีขึ้นในอีกหลายมิติ เพราะตอนนี้จำนวนนักท่องเที่ยวเท่ากับช่วงก่อนที่จะมีโควิดจึงต้องตั้ง KPI และวางแผนอย่างเป็นระบบเพื่อแก้ปัญหาระยะยาว

ตั้งแต่เรื่องระบบ IT ที่ต้องเชื่อมโยงกัน ระบบสำรองข้อมูลหรือ Back up System เรื่องของจำนวนตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ระยะเวลาการประทับตรา หนังสือเดินทางไม่ควรเกิน 30 นาที การรอรับกระเป๋าจากสายพานต้องรวดเร็ว

จากนั้นเว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล เผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ของนายเศรษฐา อย่างละเอียดอีกครั้ง โดยระบุว่าเนื่องจากช่วงต้นเดือนมี.ค.นี้ จะมีการประกาศยกระดับสนามบินทั่วประเทศ ถือว่าเป็นแผนงานใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นระบบการตรวจคนเข้าเมือง การบริหารจัดการทั้งหมดเป็นเรื่องที่สำคัญ

ไม่อยากแค่ฟังแค่รายงาน อยากลงไปดูให้เห็นด้วยตาไม่อยากใช้คำว่าปัญหา เรียกว่าเป็นโอกาส มีโอกาสที่จะทำให้ดีขึ้นอีกเยอะมากในหลายๆ มิติ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เริ่มตั้งแต่เรื่องระบบ IT มีหลายบริษัทเข้ามาดำเนินการ การที่ไม่เชื่อมต่อโยงกันระบบ Backup ความเสถียรของระบบ เรื่องของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง มีจำนวนที่ยังไม่เพียงพอ

เล็งเพิ่มกรอบอัตรา ตม.ระยะยาว

นอกจากนี้ได้มีโอกาสตรวจพื้นที่สำหรับพักผ่อน การเปลี่ยนกะ ตรวจเวร ซึ่งความเป็นอยู่ยังดูไม่ค่อยดีเท่าที่ควร โดยได้สั่งการให้มีการปรับปรุง อยู่ในขั้นตอนของแผนงาน ทั้งการตรวจคน ขาเข้า และขาออก

โดยช่วงบ่ายของวันนี้ จะมีเรียกประชุมพูดคุยหารือกับผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เข้ามาพูดคุย และแจ้งขอกรอบอัตรากำลังไปยังคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เป็นปัญหาระยะยาว และต้องการจะแก้ไขทีเดียว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องของระบบที่ล่ม เป็นเรื่องของทางเทคนิค ระบบ Backup ที่ยังไม่ดีพอมีจำนวนคนเพิ่มมากขึ้น เกิดอาการหน่วงของระบบ โดยระบบจะใช้เวลาต่อคนประมาณ 45 วินาที แต่พอจำนวนเพิ่มขึ้นทุก ๆ ขั้นตอนใช้เวลาเพิ่มขึ้นเป็นนาทีกว่า ทำให้เกิดความล่าช้าเพิ่มขึ้น ตรงส่วนนี้เป็นปัญหาใหญ่

จะมีการประชุมช่วงบ่าย และจะประชุมอย่างต่อเนื่องทั้งอาทิตย์ เพื่อที่จะเขียนเป็นแม่แบบว่าจะแก้ไขอย่างบูรณาการอย่างไร คาดการณ์ว่าจะใช้เวลา 12 เดือน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว
นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจระบบตรวจคนเข้าเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ

นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจระบบตรวจคนเข้าเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ

นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจระบบตรวจคนเข้าเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ

ตั้งเป้าตรวจ นทท.ต่อคนไม่เกิน 30 นาที

ทั้งนี้จำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงนี้เทียบเท่ากับก่อนช่วงก่อนมีโควิด ตอนนี้ต้องใช้วิธีบริหารจัดการโดยให้ KPI ว่า นักท่องเที่ยวถ้าเดินทางเข้ามาแล้วไม่ควรคอยเรื่องของการประทับตราหนังสือเดินทาง ไม่ควรจะเกิน 30 นาที นับตั้งแต่เริ่มเข้าคิว ส่วนเรื่องของการรับกระเป๋าเดินทางได้มีการสอบถาม ได้ดำเนินการดีขึ้นแล้ว แต่จะต้องพยายามทำให้ดีขึ้นอีก

นายกฯ กล่าวถึง เรื่องของนักท่องเที่ยวขาออกที่มีปัญหาเหมือนกันว่า ขาออกไม่อยากให้มีการตรวจเช็กเยอะ แต่มีปัญหาอยู่ 2 อย่าง คือเรื่องของการอยู่เกิน (overstay) และเรื่องของคนที่มีความผิดที่จะออกนอกประเทศ ดังนั้นในส่วนนี้ ระบบ IT ต้องลิงก์ระบบเชื่อมโยงกันให้ได้ทั้งหมด ถ้าเป็นในระบบ Optic ที่เช็กได้ต้องตรวจแล้วแจ้งเตือนได้ ตรงส่วนนี้ถือเป็นแผนระยะกลาง ที่ได้ให้นโยบายไป และจะมีการเรียกประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล อีกครั้ง

การลิงก์ระบบทั้งหมด โดยไม่มีการตรวจเป็นเคาน์เตอร์ที่ต้องประทับตราออกไป จะทำให้ระยะเวลาในการเดินทางออกนอกประเทศสะดวกสบายยิ่งขึ้น ถือเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทาง ตั้งแต่เข้ามาไทย อยากให้มีความสะดวกสบายตั้งแต่ลงเครื่องบิน เดินเข้าทางเชื่อม เข้ามาถึงไม่ต้องค่อยนานเกิน 30 นาที แล้วรับกระเป๋าออกไปได้

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า ในส่วนของระบบแท็กซี่ต้องมีความเหมาะสม ถูกต้อง ขาออกไม่อยากให้ใช้เวลาเกิน 2 ชม. เพราะจากที่สอบถามไปใช้เวลาเกือบ 3 ชม. เป็นเรื่องที่เราจะมีการดูแล ต้องเห็นใจนักท่องเที่ยวเช่นเดียวกันแทนที่จะเอาเวลาไปท่องเที่ยวเพิ่ม มีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่ม ต้องมาเสียเวลาอยู่ที่สนามบินใช้เวลามากยิ่งขึ้น

ในส่วนนี้ถือเป็นโอกาสที่จะทำให้ประเทศไทยทำให้การท่องเที่ยวดีขึ้น ขอให้มองเรื่องนี้เป็นโอกาส

อ่านข่าวอื่นๆ

ส่งท้ายปีใหม่จีน "เทศกาลโคมไฟ" และชื่อเรียกวันตรุษจีนแต่ละประเทศ

"อรรถพล" สั่งหัวหน้าป่าอนุรักษ์ ปิด 37 พื้นที่เสี่ยงไฟป่า

 

 
 
 
 
 
 
<"">
Srettha Thavisin

 

 
 
ข่าวที่เกี่ยวข้อง