"กอดหน่อยได้ป่ะ" เติมรักวันวาเลนไทน์ สร้างฮอร์โมนแห่งความสุข

ไลฟ์สไตล์
13 ก.พ. 67
18:18
483
Logo Thai PBS
"กอดหน่อยได้ป่ะ" เติมรักวันวาเลนไทน์ สร้างฮอร์โมนแห่งความสุข
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

อ่าน เตือนภัยวาเลนไทน์ มิจฉาชีพ 6 รูปแบบ หลอกให้รักแล้วโอนเงิน

        กุหลาบหลากสี ช็อกโกแลต หรือสัญลักษณ์รูปหัวใจ กลายเป็นสิ่งของที่ผู้คนมักให้กันเพื่อแสดงความรักใน "วันแห่งความรัก" หรือ "วันวาเลนไทน์" ทุกๆ วันที่ 14 เดือน "กุมภาพันธ์" ของทุกปี

แต่สิ่งที่มีความหมายที่สำคัญอีกอย่าง และมักไม่ค่อยถูกนึกถึง หรือนำมาใช้เพื่อแสดงออกซึ่งความรัก นั้นคือ "การกอด" ซึ่งเป็นวิธีแสดงความรักที่มีอานุภาพและมีพลังบวกที่ "ดีต่อใจ" ของมนุษย์ทุกคนและอาจรวมถึงสัตว์เลี้ยงด้วย

        "การกอด" เป็นพฤติกรรม มีรูปแบบของความใกล้ชิดทางกาย แสดงออกถึงความรัก เป็นภาษากายที่สื่อออกมาและใช้กันอย่างแพร่หลาย อาจเกิดขึ้นกับคนสองคนหรือมากกว่านั้น ทั้งการคล้องแขน โอบรอบคอ หลัง บ่า ไหล่ หรือเอวของกันและกัน เพื่อแสดงอาการใกล้ชิด

อ่าน วันวาเลนไทน์ 2567 "จดทะเบียนสมรส" กับเรื่องที่ "คู่รัก" ต้องรู้

ไม่เพียงแต่การให้ความอบอุ่น ให้ความสุข สร้างอุ่นใจและมั่นใจเท่านั้น แต่พลังของอ้อมกอดที่อบอุ่นและจริงใจ ยังสามารถ เยียวยา บำบัดกาย และจิต ได้อีกต่างหาก เวอร์จิเนียร์ ซาเทียร์ นักจิตบำบัดชาวอเมริกัน กล่าวไว้ว่า การกอดกันวันละ 4 ครั้ง "เพื่อการดำรงชีวิต" ขณะที่ กอดกันวันละ 8 ครั้ง "เพื่อการดำเนินชีวิต" และกอดวันละ 12 ครั้ง "เพื่อการเจริญเติบโต"

เรียกได้ว่าการกอดทำให้เรามีความสุข และรู้สึกอบอ่นมากยิ่งขึ้น การกอด ยังมีพลังช่วยเยียวยาผู้ป่วยได้ นั้นเพราะเป็นการถ่ายทอดกำลังใจ ความห่วงใยไปสู้ผู้ป่วย และอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนป่วยมีกำลังใจ หายป่วยได้รวดเร็วขึ้น

อย่างไรก็ตาม มีบางข้อมูลระบุว่า การกอดที่ได้ผลสำหรับการบำบัดโรค ควรต้องกอดกันเป็นเวลาประมาณ 20 วินาทีขึ้นไป ซึ่งช่วยเพิ่มระดับ ออกซิโทซิน ในร่างกายถูกปลดปล่อยพลังบวกออกมา

        "การกอด" ไม่ได้เป็นเพียงการแสดงความรักระหว่างคู่รัก หรือ หนุ่มสาวเท่านั้น แต่ผู้สูงอายุก็ต้องการการโอบกอดด้วยความรัก จากลูกหลาน และคนใกล้ชิด ซึ่งการกอดเป็นภาษากายที่ถูกสื่อสารให้เห็นถึงความสำคัญ บรรเทาความเจ็บป่วย ซึมเศร้า ความกังวล และช่วยเติมเต็มความอ้างว้างในจิตใจ ให้ผู้สูงวัยในบ้าน ได้ด้วย

นอกจากนี้ การกอดก็ยังจำเป็นต่อวัยเด็กและทารก จะเป็นการ ช่วยกระตุ้นและเพิ่มอีคิว โดยเฉพาะการอุ้มกอดขณะให้นม จะช่วยเพิ่มความอบอุ่นและสานสัมพันธ์ความรักได้ อีกด้วย

เรียกได้ว่า "การกอด" เป็นสิ่งหนึ่งที่ผู้คนสามารถแสดงความรู้สึกต่อกันได้โดยไม่ต้องใช้ "คำพูด" และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ใช้เพียงความจริงใจ และพลังบวก

อ่าน "Narcissistic" คลั่งรัก-หลงตัวเอง โรคร้ายทำลายทุกคน

"กอด"ดีอย่างไร"กับชีวิต

มีผลวิจัยจากต่างประเทศ ระบุว่า คนที่ได้รับการกอดหรือคนที่กอดคนอื่น หรือการกอดระหว่างคู่รัก ร่างกายของคนทั้งสองจะได้รับการกระตุ้นฮอร์โมนออกซิโทซิน (Oxytocin) ซึ่งเป็น ช่วยให้ผู้ถูกกอดรู้สึกอบอุ่นและเป็นสุข ลดการหลั่ง "ฮอร์โมนคอร์ติซอล" ฮอร์โมนที่ก่อให้เกิดความเครียด ผลที่ตามมา คือ ทำให้ร่างกายประปรี้กระเปร่า สดชื่น รวมทั้งสารแห่งความสุขตัวอื่น ๆ เช่น สารเอนโดฟิน และเซโรโทนิน

นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นให้สมองหลั่งสาร "โดปามีน" สารที่ก่อให้เกิด ความสุข ความพึงพอใจ อีกด้วย

มาถึงตรงนี้ เรียกได้ว่า การกอดช่วยทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต ตั้งแต่ลดความเครียดไปถึงยกระดับอารมณ์ แล้วยังมีอะไรอีกบ้าง

  • การกอด เป็นการสัมผัสทางกาย ช่วยละระดับความเครียด และความวิตกกังวล ทั้งผู้ถูกกอด และผู้กอด
  • การกอดหรือการสัมผัสกับคนรักบ่อย ๆ นอกจากจะมีความรู้สึกดีต่อกัย ยังช่วยทำให้รู้สึกผูกพันกันมากขึ้น
  • การกอดคนที่รัก ไม่เพียงทำให้หัวใจอบอุ่น ยังช่วยให้หัวใจและหลอดเลือดดีขึ้น
  • เมื่อรู้สึกเครียดจะมีผลทำให้เราอ่อนแอ และเจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น การศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่าคนที่ถูกกอดและรู้สึกว่าได้รับความรักและอบอุ่น ส่งผลให้อาการเจ็บป่วยที่รุนแรงบรรเทาลง
  • การกอดยังทำให้คนเราเห็นคุณค่าในตนเองและเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น ทำให้รู้สึกว่าได้รับการยอมรับ
  • การกอดสามารถลดความกลัวได้
  • การกอดยังช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดี ระหว่างครอบครัว เพื่อน และคนที่เรารัก

“กอด” กี่ครั้ง…ถึงดีต่อใจ

กอดกันวันละ 4 ครั้ง : คุณจะรู้สึกดีต่อตนเองและสิ่งแวดล้อม เอาชนะความกลัวได้

กอดกันวันละ 8 ครั้ง : หรือทุก ๆ 3 ชั่วโมง คุณจะรู้สึกดี มีชีวิตชีวาและสดชื่นไปตลอดทั้งวัน

กอดกันวันละ 12 ครั้ง : หรือทุก ๆ 2 ชั่วโมง ส่งผลดีต่อจิตใจและการเจริญเติบโตของร่างกายอย่างน่าอัศจรรย์

        ไม่เพียงแค่การกอดผู้อื่น แต่การกอดที่เกิดจากการกอดตัวเอง หรือ "ท่ากอดผีเสื้อ หรือ Butterfly hug เป็นหนึ่งในเทคนิคจากวิธี EMDR (Eye Movement Desensitization and Reprocessing) ที่นักบำบัดใช้เพื่อบำบัดจิตใจของผู้ที่รับการบำบัดที่ได้รับความเจ็บปวดทางจิตใจ ท่ากอดผีเสื้อช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลได้ด้วย

หากใครเคยดู ซีรีส์เกาหลีเรื่อง "it's okay to not be okay" คงเคยเห็นฉากที่พระเอก ซึ่งมีอาชีพเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลจิตเวช สอนนางเอก ที่กำลังโมโหจนเกือบควบคุมตัวเองไม่ได้ ให้เธอลองหายใจเข้าลึก ๆ และสอนให้ทำท่า Butterfly Hug เพื่อให้นางเอง นำไปใช้สงบจิตใจตัวเองเวลาที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่พึงใจ

เมริษา ยอดมณฑป นักจิตวิทยา เจ้าของเพจ ตามใจนักจิตวิทยา อธิบายขั้นตอนการทำท่า Butterfly Hug มาลองทำไปด้วยกัน

  • ยกแขนทั้งสองข้างไขว้กัน มือขวาวางบนบ่าซ้าย มือซ้ายวางบนบ่าขวา
  • หายใจเข้าและออกช้า ๆ ระหว่างที่ทำท่ากอดนี้
  • ยกมือขึ้นตบที่หัวไหล่ทั้งสองข้างเบา ๆ เหมือนผีเสื้อกำลังกระพือปีก จะเคาะช้า ๆ หรือเร็ว ๆ ขึ้นอยู่กับผู้กอดเอง
  • ระหว่างที่ตบไปที่บ่า ให้เราทำจิตใจให้นิ่งสงบ นึกถึงสิ่งดี ๆ ที่ทำให้เรามีความสุขหรือเหตุการณ์ที่ทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเอง
  • เราสามารถ Butterfly Hug ตามระยะเวลาที่ต้องการ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 3-4 นาทีต่อครั้ง ควรทำทุกวันต่อเนื่อง เพื่อให้ความรู้สึกดี ๆ มาเสริมสร้างจิตใจให้แข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตาม เทศกาลแห่งความรักในปีนี้ 2567 น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นให้หลาย ๆ คน หลายครอบครัวหันมาใส่ใจกันมากขึ้น ด้วยการบอก "รัก" และการสัมผัสด้วยการ "กอด" ในวันที่ รู้สึกเหนื่อย ท้อแท้ หรือเศร้าใจ เมื่อได้กอดจากคนที่เรารัก จะทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ชาร์จแบต "การกอด" จึงเป็นการแสดงออกถึงความรักที่เรียบง่าย ไม่มีผิดมีภัยและทรงพลังต่อทั้งร่างกายและจิตใจของคนที่ถูกกอด และคนกอด อย่างคาดไม่ถึง

อ่านข่าวอื่น ๆ

ดอกไม้จากจีนตีตลาดกระทบผู้ปลูกดอกไม้ไทย "ออเดอร์หาย-ราคาตก"

โพล "วันวาเลนไทน์ 2567" อยากมอบความรักให้พ่อแม่มากสุด

ครม.ไฟเขียว หยุด 12 เม.ย. “เพิ่มหยุดสงกรานต์” รวมเป็น 5 วัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง