ตู้เดียวครบกดถุงยางฯ-น้ำดื่ม-ชุดตรวจHIV ลดเสี่ยงโรคเพศสัมพันธ์

สังคม
14 ก.พ. 67
16:18
313
Logo Thai PBS
ตู้เดียวครบกดถุงยางฯ-น้ำดื่ม-ชุดตรวจHIV ลดเสี่ยงโรคเพศสัมพันธ์
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
กรมควบคุมโรค ผุดไอเดีย นำถุงยางอนามัย –ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตัวเอง รวมกับตู้กดน้ำดื่ม หวังวัยรุ่น กล้ากด-ใช้ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หลังพบสถานการณ์การติดเชื้อเอชไอวี-ซิฟิลิส-หนองใน-กามโรค เพิ่มขึ้น

วันนี้ (14 ก.พ.2567) นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ขณะนี้กรมควบคุมโรคกำลังดำเนินการโครงการนำร่อง ถุงยางอนามัย ทุกเวลา ทุกที่ (Condom anytime, anywhere) เปิดตัวตู้กดถุงยางอนามัยอัตโนมัติ วันที่ 15 ก.พ.2567 ที่สยามสแควร์วัน กทม.

โครงการดังกล่าวได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนในการทดลองนำถุงยางอนามัย และชุดตรวจหาเชื้อเอไอวีด้วยตนเอง ไปติดตั้งรวมกับตู้กดเครื่องดื่มทั่วไป โดยการกดในส่วนถุงยาง และชุดตรวจหาเชื้อเอชไอวี เป็นการบริการฟรี

นพ.ธงชัย กล่าวว่า สำหรับถุงยางอนามัย ใช้งบประมาณของกรมควบคุมโรค ส่วน ชุดตรวจหาเชื้อเอชไอวี อยู่ในสิทธิประโยชน์ของสปสช. แต่มีปัญหาเรื่องกระจาย จึงต้องประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนให้ช่วยกระจายผ่านตู้กดเครื่องดื่มอัตโนมัติ

ขณะนี้ได้มีการติดตั้งเครื่องในลักษณะดังกล่าว 2 ตู้ นำร่องในพื้นที่กทม.ตั้งแต่วันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา บริเวณสยามสแควร์วันและมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก จึงเตรียมขยายพื้นที่ติดตั้งเครื่องกดถุงยางอนามัยอีก รวม 10 แห่ง

เชื่อว่าการติดตั้งตู้กดในลักษณะดังกล่าว จะทำให้คนกล้าใช้มากขึ้น มากกว่าตู้กดถุงยางอนามัยโดยเฉพาะ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : คู่รัก LGBTQ+ ถือฤกษ์ดี วันแห่งความรัก จูงมือ "จดแจ้งคู่รัก" เขตบางรัก

นพ.ธงชัยกล่าวว่า ลักษณะการใช้ถุงยางอนามัย แต่ก่อนมักคิดแต่ใช้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ แต่ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน พบอัตราการติดเชื้อ หรือ ติดโรคทางเพศสัมพันธ์มากขึ้นในกลุ่มวัยรุ่น ถุงยางอนามัยจึงจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันโรค

เนื่องจากปัจจุบัน สถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย 5 กลุ่มโรค คือ ซิฟิลิส หนองใน หนองในเทียม แผลริมอ่อน กามโรคต่อมน้ำเหลือง ช่วงปี 2560-2565 พบเยาวชนอายุ 15-24 ปี มีอัตราป่วยมาก และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดย ปี 2560 อัตราป่วย 99.6 ราย ต่อประชากรแสนคน แต่ในปี 2565 พบอัตรา ป่วย 112.3 ราย ต่อประชากรแสนคน

สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย สอดคล้องกับข้อมูลการเฝ้าระวังพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชไอวี ปี 2562 พบเยาวชนมีอัตราการใช้ถุงยางอนามัยครั้งล่าสุดที่มีเพศสัมพันธ์ เพียงร้อยละ 80 และใช้ถุงยางอนามัยอย่างสม่ำเสมอทุกครั้งกับแฟนและคนรักไม่ถึงร้อยละ 40

และอยากให้ประชาชนเข้าใจเรื่องเอชไอวีใหม่ว่า ตรวจก่อน รู้ก่อน รักษาเร็ว ไม่แพร่โรค และปัจจุบันการรักษาเปลี่ยนไป หากกินยามสม่ำเสมอ โอกาสแพร่เชื้อต่อน้อยมาก แม้มีเพศสัมพันธ์ ไม่เหมือนสมัยก่อนที่คิดว่าติดเชื้อแล้วจะเสียชีวิต

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : คึกคัก! คนแห่ซื้อดอกไม้รับวันวาเลนไทน์ที่ปากคลองตลาด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง