สถาบันวัคซีน ยัน วัคซีนโควิด mRNA ไม่ก่อลิ่มเลือดขาว

สังคม
22 ก.พ. 67
07:00
4,741
Logo Thai PBS
สถาบันวัคซีน ยัน วัคซีนโควิด mRNA ไม่ก่อลิ่มเลือดขาว
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ชี้แจง วัคซีนโควิด-19 ไม่ก่อให้เกิดลิ่มเลือดขาว หรือ “White Clots” เป็นการตกตะกอนของโปรตีนส่วนประกอบของเลือดที่เกิดขึ้นภายหลังการตาย ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่พบได้เป็นปกติ

วันที่ 21 ก.พ.2567 สถาบันวัคซีนแห่งชาติ เผยแพร่เอกสาร ชี้แจงข้อเท็จจริง เรื่อง ลิ่มเลือดสีขาว (White clot) และวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA

โดยระบุว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่และส่งต่อข้อมูลเกี่ยวกับการพบสิ่งแปลกปลอมซึ่งมีลักษณะเป็นลิ่มเลือดสีขาว (White clot) ในหลอดเลือดผู้เสียชีวิตที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 และระบุว่าสามารถพบสิ่งแปลกปลอมนี้ได้ในผู้ที่ยังมีชีวิตที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนในวงกว้าง สถาบันวัคซีนแห่งชาติและภาคีเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญไม่ได้นิ่งนอนใจกับประเด็นกังวลดังกล่าว จึงได้ประสานไปยังแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง ได้รับข้อมูลดังนี้

อ่านข่าว : กรมวิทย์ฯ เผยโควิด-19 สายพันธุ์ JN.1 เพิ่มขึ้น แต่ยังไม่รุนแรง

รูปสิ่งแปลกปลอมที่อ้างถึงไม่ใช่ความผิดปกติของเลือดที่เกิดจากการฉีดวัคซีน mRNA แต่อย่างใด เป็นเพียงการตกตะกอนของโปรตีนส่วนประกอบของเลือดที่เกิดขึ้นภายหลังการตาย (ลิ่มเลือดภายหลังการตาย, postmortem blood clot) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่พบได้เป็นปกติในผู้เสียชีวิต และพบมาตั้งแต่ก่อนมีการระบาดหรือมีการใช้วัคซีนโควิด-19

โดยปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจาก เมื่อมีการเสียชีวิต ระบบหมุนเวียนของเลือดรวมทั้งระบบอื่นๆ ในร่างกายจะหยุดทำงาน จากนั้นเม็ดเลือดแดงจะมีการตกตะกอนตามแรงโน้มถ่วงของโลกไปก่อนแยกออกมาจากน้ำเลือด (Plasma) ซึ่งในน้ำเลือดยังมีโปรตีนที่ทำหน้าที่ ช่วยในการแข็งตัวของเลือด (Fibrinogen) คงเหลืออยู่และเกิดการแข็งตัวขึ้นตามธรรมชาติ เป็นโปรตีนเส้นใย (Fibrin clot) ทำให้เกิดเป็นลิ่มโปรตีนสีขาวลักษณะดังกล่าว

สำหรับข้อมูลที่ระบุว่า สามารถพบ White clot นี้ในเลือดของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยนั้น สามารถอธิบายด้วยหลักการทางโลหิตวิทยา เรื่องกระบวนการแข็งตัวของเลือดได้เช่นกัน โดยสามารถอธิบายได้ว่า เมื่อมีการเจาะเลือดออกมานอกร่างกาย หากไม่มีการเติมสารกันเลือดแข็ง (Anticoagulants) และตั้งทิ้งไว้ระยะหนึ่ง เลือดจะมีการแข็งตัวแยกชั้นออกมาเป็นชั้นลิ่มเลือด (Thrombus หรือ Clot blood) และชั้นน้ำเหลือง (Serum) ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม หากนำเลือดที่ไม่ได้เติมสารกันเลือดแข็งมาปั่นแยกด้วยเครื่องปั่นเหวี่ยงตกตะกอน ความเร็วสูง (Centrifuge) แยกส่วนประกอบของเลือดในขณะที่การแข็งตัวของเลือดยังเกิดขึ้นไม่สมบูรณ์ (Partial clot) จะสามารถพบโปรตีนเส้นใยที่ทำหน้าที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือด (Fibrin clot) ที่มีความคล้ายกับ White Clot ข้างต้นได้ เป็นเหตุการณ์ที่พบเป็นปกติ ปรากฏการณ์ดังกล่าวจึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวลและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แต่อย่างใด

อ่านข่าว : "นพ.ยง" แนะกลุ่มเสี่ยง-เปราะบาง ฉีด "วัคซีนโควิด" ลดเสี่ยงเสียชีวิต

ทั้งนี้ ทั่วโลกมีผู้ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วกว่า 13,000 ล้านโดส และมีการติดตามและเฝ้าระวัง อาการไม่พึงประสงค์อย่างเป็นระบบในแต่ละประเทศ ปัจจุบันหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ยังคงแนะนำให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงเข้ารับวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น ปีละ 1 ครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงของการป่วยรุนแรงจากโรคโควิด-19

สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ขอให้ประชาชนเลือกรับข่าวสารจากแหล่งข้อมูลวิชาการที่เป็นทางการและมีความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ ปัจจุบันยังมีช่องทางในการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูลที่มีการเผยแพร่ทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย (Anti-Fake News Center Thailand) ชัวร์ก่อนแชร์ และ Fact Check Explorer เป็นต้น ซึ่งประชาชนสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงผ่านช่องทางเหล่านี้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

รู้จัก "โพรไบโอติกส์" ตัวช่วยสำคัญผู้ป่วยลองโควิด (Long COVID)

"กรมควบคุมโรค" เปิดผลวิจัยอาการไม่พึงประสงค์ จากวัคซีนโควิด-19

"สถาบันวัคซีน" โต้กลับปมผลกระทบวัคซีนโควิด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง