ตัวเต็ง 3 สิงห์คลองหลอด แคนดิเดตชิงเก้าอี้ "ปลัดมหาดไทย"

การเมือง
23 ก.พ. 67
16:17
2,006
Logo Thai PBS
ตัวเต็ง 3 สิงห์คลองหลอด แคนดิเดตชิงเก้าอี้ "ปลัดมหาดไทย"
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

“ผู้ว่าฯใหญ่หรือไม่ บางทีก็แล้วแต่คนจะคิด บางทีเป็นกัปตันเรือเล็ก ดีกว่าเป็นนายท้ายเรือใหญ่” สิงห์หนู” นายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทิ้งท้ายคำพูดก่อนจะเสนอครม.มีคำสั่งย้าย นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม” อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน(พช.)ไปเป็นผวจ.นครราชสีมา และโยก นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.เมืองโคราช ปัจจุบัน มาเป็นอธิบดีกรมพัฒนาชุมชน(พช.) คนใหม่

แม้ก่อนหน้านี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ”ปลัดกระทรวงมหาดไทย จะออกมาระบุว่า ได้มีการพูดคุยกับนายชัยวัฒน์แล้ว และอธิบดีพช.เลือกที่จะกลับไปดำรงตำแหน่ง ผวจ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นจังหวัดภูมิลำเนาของภรรยา และโยกย้ายจึงไม่ใช่การสกัด หรือเตะตัดขา เนื่องจากนายชัยวัฒน์ ก็เคยเป็นอดีตผวจ.เมืองย่าโมมาก่อน อีกทั้งเป็นระนาบเดียวกัน คือ ข้าราชการระดับ 10

แม้ข้อเท็จจริง คือ หากเปรียบเทียบการบริหารงานระหว่างอธิบดีพช.และผวจ.นครราช สีมา ซึ่งคุมการบริหารงานทั่วประเทศและคุมงานเฉพาะจังหวัด หากวัดบารมีและอำนาจแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
นายไชยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจ.นครราชสีมา

นายไชยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจ.นครราชสีมา

นายไชยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจ.นครราชสีมา

และไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมายของเหล่าสิงห์คลองหลอดว่า เหตุการณ์นี้คงหนีไม่พ้น เหตุผล คือ แม้นายชัยวัฒน์ จะเป็นสิงห์ดำ จบจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถือเป็น รุ่นน้องของนายสุทธิพงษ์

โดยไลน์ความก้าวหน้าในชีวิตรับราชการ ได้รับการสนับสนุนจาก"บิ๊กป็อก"พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตรมว.มหาดไทยยุครัฐบาลคสช.-รัฐบาลลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ด้วยเหตุ เคยเป็นหัว หน้าสำนักงานรมว.มหาดไทยในยุคนั้น และมีความใกล้ชิดกับ"ปลัดฉิ่ง"นายฉัตรชัย พรหมเลิศอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น

อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นรัฐศาสตร์รั้วจามจุรี “เลือดสิงห์ดำ”ด้วยกัน แต่กลับมีปัญหา ด้วยว่านายสุทธิพงษ์และนายชัยวัฒน์ ไม่ได้สนิทกันมากนัก โดยเฉพาะกับการทำงานในตำแหน่งอธิบดีพช.ซึ่งนายสุทธิพงษ์ เคยผ่านงานในตำแหน่งดังกล่าวมาก่อน มองว่า นายชัยวัฒน์ ทำงานช้า และไม่ตอบสนองคำสั่ง

ทั้งที่อธิบดีพช.นั้นเคยผ่านการบริหารงานมาในหลายจังหวัด หากต้องการความรวดเร็วในการทำงานก็สามารถจี้ หรือทวงถามงานที่มอบหมายไปได้ ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถมองข้ามปัญหาการเมืองภายในกระทรวงคลองหลอดที่ต้องการผลักให้นายชัยวัฒน์ พ้นจากตำแหน่งอธิบดีพช.

เพื่อเปิดทางให้ “เต็งหนึ่ง”นายชัยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีปภ. ซึ่งเพิ่งเข้ามาเป็นอธิบดีเมื่อวันที่ 1ต.ค. 2566 ขยับเข้าสู่ตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยแทน นายสุทธิพงษ์ ที่จะเกษียณอายุราชการในอีก 7 เดือนข้างหน้า หรือในเดือนต.ค.2567

ดังนั้นเมื่อนายชัยวัฒน์ พ้นจากตำแหน่งอธิบดีพช.กลับมาเป็นผวจ.นครราชสีมา จึงเสมือนหนึ่งปิดประตูทางขึ้นชิงเก้าอี้ตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย แม้ก่อนหน้านี้จะถูกมองว่า เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมเนื่องจากจะเกษียณในปี 2570 

หากย้อนกลับมาส่องคู่ชิงเก้าอี้ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในปัจจุบัน หากไม่นับรวมนายชัยวัฒน์ที่พ้นแคนดิเดตไปแล้ว

นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น

นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น

นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น

พบว่า ยังมีตัวอีก 3 ตัวเต็งที่มองข้ามไม่ได้เด็ดขาด คือ นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐศาสตร์ สิงห์ดำ เพื่อนร่วมรุ่นของ นายสุทธิพงษ์ แต่อายุราชการยังเหลือโดยจะเกษียณในปี 2568 และยังเป็นเพื่อนร่วมรุ่นวปอ. กับนายอนุทิน มีเสียงเล่าลือในกระทรวงคลองหลอดว่า หากไม่เป็นตัวหลอกก็ยังมีสิทธิ์ได้ลุ้นขึ้นเป็นปลัดมหาดไทยอีกคนหนึ่ง

นายชัยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครองและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)

นายชัยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครองและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)

นายชัยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครองและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)

เช่นเดียวกับเต็งหนึ่ง นายชัยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครองและบรรเทาสาธารณภัย อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สายตรงบ้านใหญ่บุรีรัมย์ เจ้าของพรรคภูมิใจไทยตัวจริง “เนวิน ชิดชอบ”ด้วยเหตุผล คือ นายชัยวัฒน์ เติบโตในพื้นที่อีสานใต้ โดยอยู่ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์มาก่อน ตั้งแต่เป็นนายอำเภอ และรองผู้ว่าฯบุรีรัมย์ และผวจ.บุรีรัมย์เมื่อปีที่แล้ว

และแม้ว่านายชัยวัฒน์จะเป็น สิงห์ไม่สี แต่แหวกฝ่าพงหนามเข้าป้ายอธิบดีปภ.มาได้อย่างฉลุย ทั้งที่กรมปภ.ถูกผูกขาดด้วยสิงห์ดำมาก่อน

นายชัยวัฒน์ ไม่ได้จบรัฐศาสตร์ หรือเป็นศิษย์ในรั้ว สิงห์ดำ-สิงห์แดง-สิงห์ทอง แต่เรียนจบคณะนิติ ศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และมีแรงผลักเต็มเหนี่ยวจากฝ่ายการเมืองบ้านใหญ่ จึงทำให้มีสิทธิสูงที่จะได้เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยคนต่อไปด้วยเช่นกัน เพราะยังเหลือเวลาการทำงานอีก 2 ปี โดยจะเกษียณอายุราชการในปี 2568

นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง

นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง

นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง

ส่วนนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง เป็นสิงห์ดำ อีกคนหนึ่ง แต่อายุราชการยังอีกยาวไกล เพราะกว่าจะเกษียณอีก 8 ปีข้างหน้า หรือในปี 2574 ยังมีเวลาเหลือและสามารถรอคอยโอกาสได้ จึงไม่ใช่ตัวเต็งที่จะมาลุ้นปลัดมหาดไทยคนใหม่

อย่างไรก็ตาม นอกจากตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนงานแล้ว ในระนาบสำคัญยังมีตำแหน่รองปลัดกระทรวง และอธิบดีกรมต่างๆในคลองหลอดที่น่าจับตา หลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบแต่งตั้งโยกย้ายกระทรวงมหาดไทย 10 ตำแหน่ง เช่น นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ,นายราชันย์ ซุ้นหั้ว รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง

นายชูศักดิ์ รู้ยิ่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง ,นายวัชรเดช เกียรติชานน ผู้ตรวจราชการ ,นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) ,นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม หากถอดรหัสคำสั่งแต่งตั้งจากรายชื่อผู้ที่รับการปูนบำเหน็จให้เป็นอธิบดี-ผู้ว่าราชการจังหวัด ยังทำให้มองเห็นสายสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มอำนาจเก่า และอำนาจใหม่ในปัจจุบัน ที่ยังคุมเชิงอยู่ในกระทรวงคลองหลอดโดยเฉพาะข้าราชการสายสิงห์ดำยังคงอยู่ในตำแหน่งสำคัญจำนวนมาก

ขณะที่พลังการเมืองกลุ่มอำนาจใหม่ ก็ไม่หักด้ามพร้าด้วยเขา แต่ยังใช้ลักษณะการประนีประนอม เพื่อรอมชอมกับขั้วอำนาจการปกครอง

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง