“ป.ป้อม-ป.ป๊อด” หนีสภาฯ “ความรับผิดชอบ” จึงถูกถาม

การเมือง
7 มี.ค. 67
13:27
188
Logo Thai PBS
“ป.ป้อม-ป.ป๊อด” หนีสภาฯ “ความรับผิดชอบ” จึงถูกถาม
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
เป็นเรื่องแปลกและขัดแย้งกับภาระหน้าที่รับผิดชอบอย่างปฏิเสธไม่ได้ หาก สส.ไม่ไปร่วมประชุมสภาฯ ทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ และรัฐมนตรี ต้องพร้อมถูกตรวจสอบจากฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ว่าจะเป็นอภิปรายทั่วไป มาตรา 152 อภิปรายไม่ไว้วางใจ 151 หรือแม้แต่กระทู้สด

ที่เป็นประเด็นขณะนี้ กรณี “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะ สส.หนึ่งเดียวของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้เข้าร่วมประชุมสภา กระทั่ง นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ พรรคก้าวไกล ต้องเตือนว่า หากขาดเกินกว่า 1 ใน 4 ของวันประชุม จะสิ้นสุดสมาชิกภาพ หรือขาดจากการเป็น สส. หากไม่ได้ขออนุญาตจากประธานสภาฯ

แทนที่ “ลุงป้อม” จะตระหนัก ชี้แจงสาเหตุไม่ได้ร่วมประชุมสภาฯ แต่กลับวางมาดเข้มสไตล์เดิมเหมือนในยุครัฐบาล คสช. ถามย้อนกลับ และบอกว่า อยากเจอตัว ให้ไปเจอที่บ้าน หมายถึง “บ้านป่ารอยต่อ”

พล.อ.ประวิตรมีข่าวว่า จะถอยจากการเมืองหลายครั้ง เพื่อเปิดทางให้คนอื่นในพรรคขยับขึ้นไปเป็น สส.แทนในสภาฯ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ยอมถอย เช่นเดียวกับเก้าอี้หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หลังการเข้ามาของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. น้องชายในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค และคว้าโควตาใน ครม. นั่งรองนายกฯ ควบ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ และเป็นหนึ่งใน 2 คน โควตารัฐมนตรีของ “ลุงป้อม”

ขณะที่กลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ ยังมีหนึ่งเดียวใน 2 โควต้าที่ได้รับ แต่ยังไม่มีคนเข้าไปอยู่ในครม.แทนนายไผ่ ลิกค์ คนสนิทของผู้กองธรรมนัส

หนำซ้ำเกิดล้ำเส้นเหยียบตาปลา จากข้อพิพาทระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ ในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ กับสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก.ในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ จนเป็นเรื่องฉาวบนหน้าสื่อ เพราะสังกัดพรรคเดียวกัน และยืดเยื้อบานปลาย มีแจ้งความและดำเนินคดีเป็นงานงอกตามมา

ส่งผลกระทบต่อภาพพจน์ของรัฐบาล ชนิดที่กูรูการเมืองต่างวิเคราะห์ว่า หากมีการปรับครม.ใหญ่ พรรคที่มีโอกาสเสี่ยงหลุดมากที่สุด คือพรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกรัฐบาลมองอย่างไม่สบอารมณ์มาตั้งแต่ประชุมรัฐสภา โหวตเลือกนายกฯ เศรษฐา ทวีสินแล้ว

แต่ยังไม่เห็นบทบาทของ “ลุงป้อม” ในฐานะหัวหน้าพรรค สำหรับการหย่าศึก หรือมีเรียกคู่กรณีเจรจาไกล่เกลี่ยปรับความเข้าใจ

นอกจากไม่เข้าร่วมประชุมสภาฯ ต่อเนื่องแล้ว ยังตกเป็นเป้าวิพากษ์ กรณีพรรคพลังประชารัฐไปยึดห้องหลังบัลลังก์ ประธานการประชุมสภาฯ ให้เป็นห้องทำงาน “ลุงป้อม” ด้วย ทั้งที่เป็นห้องที่สำรอง ไว้สำหรับคนที่จะมาชี้แจงต่อสภา และในทางปฏิบัติ สส.ทุกคนต่างมีห้องส่วนตัวที่สัปปายะสภาสถานทุกคน

ขณะที่ พล.ต.อ.พัชรวาท เลื่อนการตอบกระทู้สดมา 4 รอบแล้ว กระทั่ง สส.พรรคก้าวไกลต้องจัดทำป้าย “WANTED” ประกาศตามหา โดยอ้างติดภารกิจตลอด ทั้งที่เป็นกลไกหนึ่งของระบอบรัฐสภา ที่ต้องมีการถ่วงดุลตรวจสอบระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติ

ความจริง เรื่องหลักหมุด ส.ป.ก.ข้ามแนวเขตกันชนไปปักอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และอีกในหลายพื้นที่นั้น เป็นเรื่องที่ประชาชนส่วนใหญ่ รับไม่ได้กับการบุกรุกพื้นที่ป่า อย่างเช่น กรณีบ้านป่าแหว่ง

ทั้งไม่จำเป็นว่ารัฐมนตรีต้องพูดเก่ง แต่พูดเป็น พูดให้ตรงข้อเท็จจริง จะมีคนให้กำลังใจสนับสนุนอีกมาก แต่กลับทิ้งโอกาสไป และเลือกไปชี้แจงต่อวุฒิสภาแทน

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ 2 พี่น้องตระกูลวงษ์สุวรรณ จะโดนวิพากษ์ทั้งจาก สส.ฝ่ายค้านอย่างพรรคก้าวไกล และนักวิชาการที่ตอกย้ำว่า ต้องตระหนักในภาระหน้าที่ของตนเอง ไม่ใช่หลบเลี่ยงหนีสภาฯ

ทำให้คำกล่าวที่ว่า “คนมีโอกาส มีวาสนา สามารถทำได้ แต่ไม่ยอมทำ ขณะที่คนอยากทำ กลับไม่มีโอกาส ไม่มีวาสนาได้ทำ ยังคงเป็นจริงต่อไป”

วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง