"แดงเดือด" แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ ลิเวอร์พูล 4-3 ช่วงต่อเวลาพิเศษ

กีฬา
18 มี.ค. 67
06:52
1,603
Logo Thai PBS
"แดงเดือด" แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ ลิเวอร์พูล 4-3 ช่วงต่อเวลาพิเศษ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ฟุตบอลเอฟเอคัพ ศึก "แดงเดือด" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เฉือนชนะไปอย่างสุดมันส์ 4-3 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ดับฝัน 4 แชมป์ของ ลิเวอร์พูล พร้อมกรุยทางเข้าสู่รอบตัดเชือก

วันนี้ (18 มี.ค.2567) ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย ไฮไลต์อยู่ที่ศึก "แดงเดือด" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดโอลด์ แทรฟฟอร์ด พบ ลิเวอร์พูล เริ่มเกมได้เพียง 10 นาที กองเชียร์เจ้าถิ่นได้เฮลั่น เมื่อ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ยิงให้ "ปีศาจแดง" ขึ้นนำก่อน 1-0

หลังได้ประตู แมนฯ ยูไนเต็ด ครองเกมสร้างโอกาสได้อย่างต่อเนื่อง แต่ในช่วงท้ายครึ่งแรก เครื่องกลับช็อตไปดื้อๆ ถูก ลิเวอร์พูล ตามตีเสมอ 1-1 ในนาที 43 จาก อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์

จากนั้นช่วงทดเจ็บนาที 45+1 "หงส์แดง" ได้ประตูพลิกขึ้นนำ 2-1 จากลูกตามซ้ำของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์

ครึ่งหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ตกเป็นรองพยายามบุกทวงประตูคืน แต่ต้องรอจนถึงช่วงท้ายเกม เมื่อได้ อันโตนี สวมบทซุปเปอร์ซัป ยิงพาทีมตามตีเสมอ 2-2 ในนาที 87 จบเกมในเวลาปกติ เสมอ 2-2 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที

ซึ่งเหล่า "เดอะค็อป" มาได้เฮอีกครั้งในนาที 104 เมื่อลูกยิงไกลของ ฮาวีย์ เอลเลียตต์ ไปแฉลบนักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้าประตูไปแบบมีโชค ให้ ลิเวอร์พูล ออกนำ 3-2

แต่ในช่วงต่อเวลาพิเศษครึ่งหลัง นาที 112 มาร์คัส แรชฟอร์ด ยิงให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามตีเสมอเป็น 3-3

ก่อนที่ อาหมัด ดิยัลโล เเนวรุกดาวรุ่งของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะยิงประตูชัยช่วงนาทีสุดท้ายของการต่อเวลา 4-3 ซึ่งหลังทำประตูได้ ดิยัลโล ลืมตัวถอดเสื้อฉลองทั้งที่มีใบเหลืองติดตัว ทำให้ถูกใบแดงไล่ออก แต่สุดท้าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเฉือนชนะ ลิเวอร์พูล ไป 4-3 ในช่วงต่อเวลา ผ่านเข้ารอบตัดเชือกได้สำเร็จ เเละทำสถิติไม่แพ้ลิเวอร์พูล ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดในเอฟเอคัพ ยาวนาน 103 ปี

เชลซี ชนะ เลสเตอร์ 4-2

ส่วนเกมอีกคู่ เชลซี พบ เลสเตอร์ ดุเดือดไม่แพ้กัน โดยครึ่งแรก เชลซี ขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่นาที 13 จากลูกยิงของ มาร์ก กูกู-เรยา

แม้ว่า ราฮีม สเตอร์ลิง จะมายิงจุดโทษพลาดในเวลาต่อมา แต่สุดท้ายได้ โคล พาลเมอร์ ยิงให้ทีมนำห่างเป็น 2 ลูกในช่วงทดเจ็บครึ่งแรก

แต่เกมในครึ่งหลังกลายเป็นหนังคนละม้วน เมื่อ อักเซล ดิ-ซาซี กองหลังชาวฝรั่งเศสของ เชลซี จ่ายบอลพลาดเข้าประตูตัวเอง ปลุกความหวังให้ เลสเตอร์ ไล่มาเป็น 1-2

ก่อนที่ สเตฟี มาวี-ดีดี จะมาทำประตูสุดสวยในนาที 62 ให้ เลสเตอร์ ตามตีเสมอเป็น 2-2 กลับมาสู่เกมได้สำเร็จ

จากนั้นนาที 73 เกิดจุดเปลี่ยน เมื่อ คัลลัม ดอยด์ กองหลังของ เลสเตอร์ ไปทำฟาวล์ในจังหวะหลุดเดี่ยวของคู่แข่ง ถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม

ทำให้ เชลซี ที่มีตัวผู้เล่นมากกว่า มายิงเพิ่มอีก 2 ประตูในช่วงทดเจ็บ จาก คาร์นีย์ ชุควู โอเมกา และ โนนี มาดู-เอเก้ ชนะ เลสเตอร์ ไป 4-2 ตีตั๋วผ่านเข้ารอบตัดเชือกได้เช่นกัน

แมนฯ ยูไนเต็ด ดวลโคเวนทรี - เชลซี เจอ แชมป์เก่า

หลังจบเกมเอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้ายทุกคู่ ฝ่ายจัดการแข่งขันได้ทำจับสลากรอบตัดเชือกทันที ปรากฏว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ โคเวนทรี ทีมจากลีก แชมเปียนชิพ ขณะที่ เชลซี ทำศึกบิ๊กแมตช์กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่า

ซึ่งเกมเอฟเอ คัพ รอบตัดเชือกทั้ง 2 คู่จะเตะกันที่สนาม เวมบลีย์ ในช่วงประมาณวันที่ 20 เม.ย.นี้

อ่านข่าวอื่นๆ :

"บัลลังก์-ศศิกานต์" คว้าโควตาโอลิมปิกเกมส์ 2024

รู้จัก "ตี๋ บุญเกียรติ" มือกาวป้ายแดงช้างศึก มากกว่าความหล่อคือความอุตสาหะ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง