DSI ส่งคำร้องคดีฟอกเงินเครือข่ายเว็บพนัน BNK Master ให้ ป.ป.ช.

อาชญากรรม
31 มี.ค. 67
16:31
619
Logo Thai PBS
DSI ส่งคำร้องคดีฟอกเงินเครือข่ายเว็บพนัน BNK Master ให้ ป.ป.ช.
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"ดีเอสไอ" ส่งคำร้องคดีฟอกเงินเครือข่ายเว็บพนัน BNK Master ให้ ป.ป.ช.พิจารณา เหตุมีข้อโต้แย้งระหว่างผู้ร้องและพนักงานสอบสวน

เมื่อวันที่ 30 มี.ค.2567 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เผยแพร่เอกสารระบุว่า เมื่อวันที่ 19 ก.พ.2567 มีผู้ร้องมายื่นเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอให้พิจารณาโอนคดีอาญาของ สน.เตาปูน คดีอาญาที่ 391/2567 ฐานฟอกเงิน สมคมกันฟอกเงิน กรณีเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ของเครือข่าย น.ส.พิมพ์พิไล หรือ เจ้พิมพ์ มาดำเนินการสืบสวนและสอบสวนตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547

เนื่องจากเห็นว่า มีรายละเอียดลักษณะของการกระทำความผิดเป็นไปตามประกาศคณะกรรมการ คดีพิเศษ (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2565 เรื่อง กำหนดรายละเอียดของลักษณะของการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) แห่ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ข้อ 4 ประกอบบัญชีท้ายประกาศฯ ข้อ 7 ซึ่งกำหนดว่า คดีความผิดที่มีบทกำหนดโทษตามมาตรา 60 และมาตรา 61 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่มีความผิดมูลฐานเป็นคดีพิเศษซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หรือคดีความผิดมูลฐานที่เป็นคดีอาญาอื่นที่มีมูลน่าเชื่อว่ามีทรัพย์สิน ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดที่มีมูลค่าตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไป

กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับเรื่องไว้สืบสวน เป็นสำนวนสืบสวนที่ 37/2567 เพื่อพิจารณาว่า เข้าข่ายที่จะมีคำสั่งไว้ทำการสอบสวนเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ โดยสำนวนอยู่ในความรับผิดชอบของกองคดีฟอกเงินทางอาญา

จากการสืบสวนมีการแสวงหาข้อเท็จจริงจากผู้ร้อง รวมทั้งการมีหนังสือสอบถามไปยังพนักงานสอบสวน คดีอาญาที่ 391/2566 ของ สน.เตาปูน ปรากฏข้อโต้แย้งเกี่ยวกับความเชื่อมโยงคดีอาญาดังกล่าว กับคดีอาญากรณีเว็บพนันออนไลน์มินนี่ ที่พนักงานสอบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก่อนหน้านี้ และเนื่องจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 28 (2) ได้กำหนดหน้าที่และอำนาจในการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม และมาตรา 30 วรรคสอง กำหนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีอำนาจไต่สวนในคดีที่มีการกระทำอันเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท และคดีที่มีความเกี่ยวข้องกันและความผิดเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่จะต้องดำเนินการในคราวเดียวกันด้วย

กรณีดังกล่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษเคยมีหนังสือหารือไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกี่ยวกับแนวปฏิบัติตามมาตรา 30 วรรคสองแล้ว โดยสำนักงาน ป.ป.ช.ได้มีหนังสือที่ ปช 0026/0089 ลงวันที่ 22 ต.ค.2562 แจ้งว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า คดีลักษณะใดเป็นคดีที่มีการกระทำความผิดเกี่ยวข้องกัน และความผิดเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่จะต้องดำเนินการในคราวเดียวกันนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะพิจารณาวินิจฉัยตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเป็นรายกรณีไป ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นประเด็นสำคัญเกี่ยวกับอำนาจการสืบสวนและสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ

ดังนั้น เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษไม่มีข้อเท็จจริงในคดีอาญาหลักที่มีการกล่าวอ้างที่จะเป็นข้อมูลประกอบการวินิจฉัย และเมื่อพิจารณาประกอบหนังสือสำนักงาน ป.ป.ช.ข้างต้น คณะพนักงานสืบสวนจึงมีมติเสนออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อพิจารณาพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 30 วรรคสอง

แต่หากภายหลังคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้ว เห็นว่ามิใช่กรณีที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรมสอบสวนคดีพิเศษจะพิจารณาดำเนินการตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

อ่านข่าวอื่นๆ

"ทนายตั้ม" ให้ปากคำ ปปป.ปมส่วย เดินหน้าเอาผิดบิ๊ก ตร.

"บิ๊กต่อ" ถอนฟ้อง "ทนายตั้ม" ย้ำไม่โยงเว็บพนันพร้อมให้สอบฟอกเงิน

"อนุทิน" หนุน "เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์" ควบคู่บังคับใช้ กม.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง