ทองดีดแรง คาดแตะ 40,000 บาท เช้านี้พุ่ง 350 บาท สูงสุดกว่าทุกปี

เศรษฐกิจ
1 เม.ย. 67
10:50
7,612
Logo Thai PBS
 ทองดีดแรง คาดแตะ 40,000 บาท เช้านี้พุ่ง 350 บาท สูงสุดกว่าทุกปี
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ราคาทองคำตลาดโลก-ไทยดีดแรง เช้านี้พุ่ง 350 บาท มี.ค.ปรับขึ้นสูงที่สุด “ฮั่วเซ่งเฮง” ชี้เหตุธนาคารทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง จับตาสงครามดันทองปรับตัว แนะถือเก็งกำไร ตลาดมีแนวโน้มขึ้น คาดแตะ 40,000 บาท

วันนี้ (1 เม.ย.2567) รายงานข่าวจากเว็บไซต์ฮั่วเซ่งเฮง เปิดเผยว่า ราคาทองแท่งในประเทศปรับตัวขึ้นแรง ล่าสุดในสัปดาห์ที่ผ่านมาทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 38,550 บาท ถือว่าปรับตัวสูงขึ้น 14.56 % จากต้นปี ซึ่งในปีนี้ราคาทองคำทำ All-time high ไปแล้ว 19 ครั้ง ราคาทองโลกปรับขึ้น All-time high แตะ 2,234 ดอลลาร์ ซึ่งปรับตัวขึ้นมา 8.2 % จากต้นปี ส่วนเงินบาทอ่อนค่าแตะ 36.50 บาท

โดยทองคำในประเทศปรับตัวขึ้นแรงกว่าทองคำโลก เนื่องจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเป็นปัจจัยที่คอยสนับสนุนราคาทองในประเทศ นอกจากนี้ราคาทองโลกและราคาทองไทยเดือน มี.ค.ทุบสถิติปรับตัวขึ้นสูงที่สุดกว่าทุกปีในอดีตที่ผ่านมา  โดยราคาต่ำสุด วันนี่ 5 ม.ค.2564 ที่บาทละ 24,450 ขณะที่ราคาสูงสุด วันที่ 1 เม.ย.2567 ที่ บาทละ 38,900

กราฟราคาการปรับขึ้น/ลง ราคาสุงสุด/ราคาต่ำสุดรายเดือน และรายปีของราคาทองคำ
 ที่มา:ทองคำ.com,สมาคมค้าทองคำ

กราฟราคาการปรับขึ้น/ลง ราคาสุงสุด/ราคาต่ำสุดรายเดือน และรายปีของราคาทองคำ ที่มา:ทองคำ.com,สมาคมค้าทองคำ

 กราฟราคาการปรับขึ้น/ลง ราคาสุงสุด/ราคาต่ำสุดรายเดือน และรายปีของราคาทองคำ
ที่มา:ทองคำ.com,สมาคมค้าทองคำ

ราคาทองประจำปี 2567 แสดงราคาการปรับขึ้น/ลง ราคาสุงสุด/ราคาต่ำสุดรายเดือน และรายปีของราคาทองคำ
 ที่มา:ทองคำ.com,สมาคมค้าทองคำ

ราคาทองประจำปี 2567 แสดงราคาการปรับขึ้น/ลง ราคาสุงสุด/ราคาต่ำสุดรายเดือน และรายปีของราคาทองคำ ที่มา:ทองคำ.com,สมาคมค้าทองคำ

โดยราคาทองโลกเดือนมี.ค.นั้นได้ปรับตัวขึ้นกว่า 9.28 % ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศได้ปรับขึ้นกว่า 11.42 % เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของแต่ละปีในอดีตที่ผ่านมา

ทั้งนี้ราคาทองคำยังคงได้รับปัจจัยหนุนจาก แนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ตลาดยังคงคาดว่าเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. เป็นครั้งแรก

อย่างไรก็ตามต้องติดตามประเด็นเกี่ยวกับดอกเบี้ยของสหรัฐที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะเป็นเรื่องการเมืองของสหรัฐ เพราะปลายปีนี้จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ธนาคารกลางสหรัฐจึงอาจใช้นโยบายที่เอื้อให้กับรัฐบาล ด้วยการปรับลดดอกเบี้ยลง

เนื่องจากในการประชุมครั้งหลังสุดของธนาคารกลางสหรัฐได้ปรับมุมมองต่อเศรษฐกิจสหรัฐดีขึ้นกว่าการประชุมครั้งก่อนหน้า เช่นเดียวกับระดับเงินเฟ้อ ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐประเมินว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าการประมาณการครั้งก่อน

หากพิจารณาจากโมเดลการประเมินเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ พบว่าดอกเบี้ยในระดับปัจจุบันที่ 5.5% สูงกว่าระดับที่ธนาคารกลางสหรัฐคำนวณผ่านโมเดลด้วยสมมติฐานต่างๆ ซึ่งประเมินไว้ที่ 4.7%

ดังนั้นโอกาสที่จะมีการปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้น่าจะอยู่ที่ราว 2-3 ครั้ง และจะมีการปรับลดเร็วที่สุดราวเดือนมิ.ย.ถึงก.ค.เพราะเป็นช่วงใกล้การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐ

“ฮั่วเซ่งเฮง” ยังวิเคราะห์อีกว่า ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยจากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ที่ยังคงต้องจับตาสงครามที่อาจร้อนระอุขึ้นมาได้ ความต้องการทองจากกระแส De-Dollarization รวมถึงความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีนี้ ซึ่งต้องติดตามนโยบายต่างๆของผู้สมัครลงแข่งขันเป็นประธานาธิบดีสหรัฐทั้งพรรคเดโมแครต และพรรครีพับลิกัน

โดยไตรมาสแรกของปีนี้ ผลการเลือกตั้งของแต่ละพรรคออกมาว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ และนายโจ ไบเดน ได้รับชัยชนะในการเป็นตัวแทนของพรรค และหลังจากนี้เป็นต้นไป

ทองคำรูปพรรณ

ทองคำรูปพรรณ

ทองคำรูปพรรณ

คาดว่าทั้งสองคนจะกล่าวถึงนโยบายที่จะนำมาใช้หากได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ซึ่งจะกระทบต่อมุมมองของนักลงทุน ทั้งเรื่องการค้าระหว่างประเทศการลงทุนหรือแม้แต่นโยบายเศรษฐกิจ

โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ได้กล่าวถึงการนำอัตราแลกเปลี่ยนที่อิงกับราคาทองคำกลับมาใช้ โดยมีการเอ่ยถึงว่าสหรัฐไม่มีทองคำแล้ว ซึ่งประเด็นนี้ยังเป็นข้อกังหาว่า สหรัฐยังคงมีทองคำอยู่หรือไม่?

ทั้งนี้จากข้อมูลที่เคยเผยออกมานั้นสหรัฐได้มีการนำทองคำไปเก็บไว้ที่ฟอร์ท น็อกซ์ รัฐเคนทักกี และที่ US Federal Reserve สาขานิวยอร์ก แต่ที่ผ่านมานั้น ไม่ได้มีการตรวจสอบเช็กสต๊อกอย่างเป็นทางการมานาน ทำให้เกิดคำถามว่าทองคำที่มีอยู่อาจจะไม่มีก็ได้

อย่างไรก็ตามหากมีการนำอัตราแลกเปลี่ยนที่อิงกับราคาทองคำกลับมาใช้ คาดว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจมากพอสมควร เพราะปริมาณทองคำที่มีอยู่ในโลก มีไม่เพียงพอกับปริมาณการค้าระหว่างประเทศ สภาพคล่องในระบบจะหดหายไป แม้จะทำให้ราคาทองปรับตัวขึ้น แต่จะกระทบกับภาคส่วนอื่นๆโดยยากจะหลีกเลี่ยง ซึ่งประเมินว่า โอกาสที่จะนำมาตรฐานทองคำกลับมาใช้กับอัตราแลกเปลี่ยนคงเป็นไปได้ยาก

สำหรับราคาทองคำปิดตลาดใกล้ All-Time High และยังทรงตัวในระดับสูง ประกอบกับสัญญาณทางเทคนิคของราคาทองคำรายวันดูดี เส้น MACD ตัด Signal line ขึ้นมาได้ ทำให้คาดว่าราคาทองคำมีแนวโน้มปรับขึ้นได้ต่อ

ทั้งนี้เป้าหมายราคาทองคำปีนี้อยู่ที่ 2,300 ดอลลาร์ ซึ่งอาจมี upside เหลือไม่มาก สัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 2,210 ดอลลาร์ และ 2,200 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 2,280 ดอลลาร์ และแนวต้าน 2,300 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 38,200 บาท และ 38,000 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 39,000 บาท

สำหรับราคาทองวันนี้บวก 350 บาท ราคาทองคำแท่งขายออกบาทละ 38,900 บาท และราคาทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 38,800 บาท ราคาทองรูปพรรณขายออกบาทละ 39,400 บาท และราคาทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 38,097.08 บาท ราคาทองคำตลาดโลก (Gold Spot) อยู่ที่ 2257.00 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ณ อัตราแลกเปลี่ยนที่ระดับ 36.40 บาทต่อดอลลาร์

ล่าสุดราคาทองมีการปรับขึ้นลงอีก 3 รอบ ครั้งละ 50 บาท ทำให้ราคาทองวันนี้ปรับขึ้นไปที่ 400 บาท   ส่งผลให้ราคาทองคำรูปพรรณ ขายออก ราคา 39,450 บาท รับซื้อ ราคา 38,157.72 บาท ทองคำแทง ขายออก 38,950 บาท รับซื้อ 38,850 บาท โดยคาดว่าราคาทองน่าจะแตะ 40,000 บาทใน 1-2 วันนี้

อ่านข่าวเกี่ยวข้อง:

ทองปลอมระบาดหนัก มิจฉาชีพใช้เทคนิคใหม่ยัดไส้โลหะ ยากตรวจสอบ

พุ่งพรวด 700 บาท ทองวันนี้ อานิสงส์เฟดคงดอกเบี้ย

ราคาทองผันผวน ปรับลด 100 บาท ลุ้นเฟดประชุมปรับลดดอกเบี้ย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง