รู้จักโลหะหนัก "แคดเมียม" สารตั้งต้น "โรคอิไตอิไต"

สิ่งแวดล้อม
4 เม.ย. 67
20:23
41,445
Logo Thai PBS
รู้จักโลหะหนัก "แคดเมียม" สารตั้งต้น "โรคอิไตอิไต"
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
หลังการพบกากสังกะสี-แคดเมียม บรรจุในถุงบิ๊กแบ๊กขนาดใหญ่ที่สมุทรสาคร จำนวนกว่า 15,000 ตัน ถือว่าสร้างความกังวลและอันตรายต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก เพราะการปนเปื้อนของโลหะหนักชนิดนี้ เป็นสาเหตุของโรคอิไตอิไต ที่มีผลทำให้กระดูกสันหลังคดและมะเร็ง

แคดเมียม คืออะไร

การผลิตแคดเมียมมีมานานแล้ว เป็นโลหะหนัก มีสัญลักษณ์คือ Cd พบปนอยู่กับแร่ธาตุอื่นๆ เช่น แร่สังกะสี แร่ตะกั่ว หรือทองแดง ในการทำเหมืองสังกะสี จะได้แคดเมียมเป็นผลตามมาด้วย สามารถพบแร่แคดเมียมได้ในอาหาร น้ำ เหมือง และส่วนน้ำทิ้ง น้ำเสีย หรือกลุ่มผู้สูบบุหรี่ และยังสามารถพบกากแร่แคดเมียมในสีที่ผสมใช้กับบ้านหรืออาคาร ประเทศไทยยังไม่มีการผลิตแคดเมียม แต่มีแคดเมียมที่เป็นผลมาจากการผลิตของโรงงานสังกะสี จังหวัดตากในรูปของ Cadmium residue และพบการปนเปื้อนสารแคดเมียมมากในตะกอนดินที่ ห้วยแม่ตาว ต.แม่ตาว อ.แม่สอด จ.ตาก ระดับสารแคดเมียมในดินและนาข้าวเกินค่ามาตรฐาน 

กากแคดเมียม คือ อะไร

กากแคดเมียม คือ ผลพลอยได้ของการทำเหมืองแร่สังกะสี เหมืองตะกั่ว จัดอยู่ในกลุ่มวัตถุอันตราย เช่นเดียวกับที่พบการลักลอบขนย้ายจากจังหวัดตาก เป็นกากแร่ที่เหลือจากการทำเหมืองสังกะสี-ถลุงโลหะสังกะสี ซึ่งในอดีตพื้นที่จังหวัดตากมีการทำเหมืองแร่สังกะสีและมีโรงประกอบโลหกรรม ของบริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) โดยประทานบัตรเหมืองแร่หมดอายุไปแล้ว การทำเหมืองจึงยุติลง

“ประทานบัตร “ หมายถึง หนังสือสำคัญที่ออกให้ตามกฎหมายว่าด้วยแร่ เพื่อให้มีสิทธิทำเหมืองแร่ ภายในเขตที่กำหนดในหนังสือสำคัญนั้น

แคดเมียมก่อโรค กระทบสุขภาพ

หากแคดเมียมถูกความร้อนที่ 321 องศาเซลเซียส จะเกิดเป็นควันกระจายสู่สิ่งแวดล้อม เมื่อร่างกายสูดดมเข้าไป จะทำให้เกิดการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย มีปวดศีรษะ กล้ามเนื้อ ปวดท้อง ปอด ไต และตับ จะถูกทำลาย ถ้าหากหายใจควันเข้าไปในปอด จะมีอาการเจ็บคอ หายใจสั่น มีเสมหะเป็นเลือด น้ำหนักลด โลหิตจาง การหายใจจะลำบากมากขึ้นจนถึงขั้นระบบหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตในที่สุด

ในอดีต ชาวญี่ปุ่นบริโภคอาหารทะเล ข้าว อาหาร ที่มีการปนเปื้อนของแคดเมียมที่ถูกปล่อยจากโรงงานสารเคมีผ่านระบบระบายน้ำเสีย ทำให้มีผู้ได้รับสารปนเปื้อนจำนวนมาก เกิดอาการเจ็บป่วยอย่างทรมาณบริเวณแขน ขา สะโพก ฟัน อาการเหล่านี้สะสมนานถึง 20-30 ปี จนทำให้ร่างกายเดินไม่ไหว เกิดการกดทับของกระดูกสันหลัง เมื่อได้รับแคดเมียมสะสมมากๆ จะสังเกตเห็นวงสีเหลืองที่โคนของซี่ฟัน ซึ่งจะขยายขึ้นไปเรื่อยๆจนอาจเต็มซี่ ถ้าขนาดของวงยิ่งกว้างและสียิ่งเข้ม ก็แสดงว่ามีแคดเมียมสะสมมาก จนเรียกชื่อโรคนี้ว่า "อิไต-อิไต (Itai-Itai disease)" ที่แปลว่าเจ็บโอ๊ยๆ 

ผู้ป่วยจากโรคอิไตอิไต

ผู้ป่วยจากโรคอิไตอิไต

ผู้ป่วยจากโรคอิไตอิไต

"แคดเมียมออกไซด์" เป็นสารก่อมะเร็งที่ไตและต่อมลูกหมาก นอกจากนั้นยังทำอันตรายต่อไตเกิดโรคไตอย่างรุนแรง ทำให้สูญเสียประสาทการดมกลิ่นและทำให้ เลือดจาง ถ้าได้รับปริมาณมากระยะสั้นๆ จะมีอาการจับไข้ หนาวๆ ร้อนๆ ปวดศีรษะ อาเจียน อาการนี้จะเป็นได้นานถึง 20 ชั่วโมงแล้วตามด้วยอาการเจ็บหน้า อก ไอรุนแรง น้ำลายฟูม ดังนั้น เมื่อใดมีไอของแคดเมียม เช่น จากการเชื่อมเหล็กชุบ ควรใช้หน้ากากป้องกันไอและฝุ่นของแคดเมียม หรือสารประกอบแคดเมียม ในขณะทำงาน

แคดเมียมปนเปื้อนในอากาศ - อาหาร

มนุษย์จะได้รับแคดเมียมจากอาหาร อากาศ น้ำ และจากใบยาสูบ สําหรับผู้ไม่สูบบุหรี่ แหล่งทีมาที่มนุษย์รับสารแคดเมียมเข้าสู่ร่างกายที่ สําคัญ คือ จากการบริโภคอาหาร เนื่องจากส่วนประกอบของอาหาร เช่น พืช ผักจะสะสมแคดเมียมในปริมาณสูงถ้าปลูกในดินที่ มีการปนเปื้อนของแคดเมียม หรือใช้น้ำจากแหล่งน้ำที่ปนเปื้อนแคดเมียมรด ทั้งนี้เพราะพืชสามารถดูดซึมแคดเมียมไว้ได้ดีกว่าโลหะอื่นๆ

นอกจากนั้น อาหารทะเลที่ได้จากแหล่งน้ำที่มีการปนเปื้อนของสารแคดเมียม เช่น ได้จากทะเลที่ใกล้แหล่งอุตสาหกรรม

ส่วนผู้ประกอบอาชีพในโรงงานอุตสาหกรรมจะได้รับแคดเมียมเข้าสู่ร่างกายทางหายใจในรูปของฝุ่นหรือควัน ถ้ามีการปนเปื้อนของแคดเมียมที่มือหรือผู้สูบบุหรี่ในขณะทํางานอาจเข้าทางปากได้

แคดเมียมเข้าสู่ร่างกายคนได้ 2 ทาง

1. ทางปาก โดยการบริโภคอาหารทีมีการปนเปื้อนของแคดเมียม เช่น อาหารทะเล พืชผัก
2. ทางจมูก โดยการหายใจเอาควัน หรือ ฝุ่นของแคดเมียมเข้าไป เช่น ในเหมืองสังกะสี

การรักษาเบื้องต้น หากร่างกายได้รับแคดเมียมจากการ บริโภคอาหาร ให้ปฏิบัติดังนี้ ดื่มนมหรือบริโภคไข่ที่ตีแล้ว เพื่อลดการระคายเคืองของทางเดิน อาหาร หรืออาจทําให้ถ่ายท้องด้วย Fleet's Phosphosoda (เจือจาง 1:4 ด้วยนํ้า) 30-60 มิลลิกรัม เพื่อลดการดูดซึมแคดเมียม

เมื่อรับแคดเมียมเข้าร่างกาย

เมื่อรู้ว่ามีความเสี่ยงหรือมีสารโลหะหนักในร่างกายจำนวนมาก แนะนำให้ตรวจหาสารโลหะหนัก ซึ่งปัจจุบันก็มีการตรวจง่ายๆ โดยไม่ต้องเจาะเลือด เช่น การตรวจด้วยเครื่อง Oligoscan เป็นการตรวจวัดระดับแร่ธาตุและโลหะหนักระดับเนื้อเยื่อ

โดยมากอาการจะเป็นแบบไม่เฉพาะเจาะจง เช่น มีอาการอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น หรือนอนไม่หลับ บางครั้งมีความรู้สึกว่าสมองล้า ลืมง่าย หรือความคิดสร้างสรรค์เรื่องงานลดลง แต่สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะเสี่ยงอยู่แล้ว เช่น โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ความดันโลหิตสูง กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เบาหวาน เป็นต้น จะทำให้อาการแย่ลงหรือว่าการรักษาไม่สำเร็จผลอย่างที่ควรจะเป็น บางครั้งผู้ที่ได้รับสารพิษโลหะหนักอาจจะพบว่ามีอาการภูมิแพ้แบบไม่ทราบสาเหตุ หรือมักจะมีอาการเจ็บป่วยบ่อยๆ โดยไม่ทราบสาเหตุได้เช่นกัน

ลักษณะอาการหลังรับแคดเมียมแบ่งเป็น 2 ประเภท

1. เฉียบพลัน กรณีหายใจเอาไอหรือฝุ่นของฝุ่นของแคดเมียมที่มีอยู่ในอากาศเข้าไปเป็นจำนวนมาก อาการ คือ เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ ไอ เจ็บหน้าอก เหงื่อออก สั่น กรณีเข้าสู่ร่างกายโดยการรับประทานจะเกิดอาการคลื่นเหียน อาเจียน และท้องร่วงคล้ายอาหารเป็นพิษ 

2. เรื้อรัง เกิดจากการได้รับแคดเมียมจากการหายใจ รับประทาน หรือดูดซึมผ่านทางผิวหนังเป็นประจำ เมื่อแคดเมียมเข้าสู่ระบบการไหลเวียนของโลหิตแล้วจะไปทำลายปอดทำให้ปอดบวม ทำลายตับและไต แคดเมียมส่วนหนึ่งจะไปเคลือบอยู่ตามเหงือกและคอฟัน อาการเรื้อรังของโรคแพ้พิษสารแคดเมียม มีอาการเจ็บหัวเข่า ปวดตามกระดูกทั่วร่างกาย ปัสสาวะสีขาวข้นเนื่องจากไตถูกทำลาย ปริมาณปัสสาวะและเลือดผู้ป่วยเปลี่ยนไป กระดูกเปราะเพราะถูกทำลาย

การกำจัดหรือล้างสารพิษโลหะหนักในร่างกาย ทำได้โดยการให้สารทางหลอดเลือด เพื่อที่จะไปจับกับโลหะหนักออกจากร่างกาย ซึ่งวิธีนี้มีการใช้ยาวนานมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันยังมีที่ใช้อย่างแพร่หลายทางพิษวิทยาอยู่ แต่ว่าต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

แคดเมียมปนเปื้อนในดินทำอย่างไร

การปนเปื้อนแคดเมียมในสิ่งแวดล้อม ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของมนุษย์ โดยเฉพาะการปนเปื้อนแคดเมียมในพื้นที่เพาะปลูก เพราะแคดเมียมไม่สามารถถูกย่อยสลายได้ และสามารถถูกสะสมผ่านทางห่วงโซ่อาหารได้ ดังนั้นจึงต้องหาวิธีการที่เหมาะสมในการบำบัดพื้นที่ปนเปื้อน ซึ่งวิธีการหนึ่งที่ได้รับการยอมรับและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม คือ วิธีการทางชีวภาพ โดยเฉพาะการใช้พืชในการบำบัดดินปนเปื้อน แต่การใช้พืชในการบำบัดยังมีประสิทธิภาพที่จำกัด

จึงมีการนำจุลินทรีย์ต้านทานแคดเมียมบางสายพันธุ์ ที่มีความสามารถในการช่วยส่งเสริมการเติบโตของพืช หรือช่วยในการละลายหรือเคลื่อนที่แคดเมียมให้หลุดออกมาจากดิน ซึ่งเพิ่มโอกาสให้พืชสามารถดูดดึงแคดเมียมขึ้นไปสะสมในพืชได้มากขึ้นรวมทั้งการที่พืชเติบโตดีขึ้นจะมีมวลชีวภาพที่มากขึ้น ซึ่งเป็นลักษณะที่ดีในการนำพืชไปใช้ในการบำบัดโลหะหนักในดิน

กระบวนการนี้ สามารถเรียกได้ว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการบำบัดโลหะหนักในดินด้วยพืชโดยการเติมจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ (Bioaugmentation-assisted phytoextraction)

ที่มา : กรมทรัพยากรน้ำบาดาล

ที่มา : กรมทรัพยากรน้ำบาดาล

ที่มา : กรมทรัพยากรน้ำบาดาล

แคดเมียมใช้ทำอะไร

1. นำมาใช้ในการชุบโลหะ ใช้แคดเมียมเคลือบบนแผ่นเหล็ก ทองแดง อะลูมิเนียม ชุบด้วยไฟฟ้า (Electroplating) โลหะที่ได้จากการชุบนำไปใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องบิน รถยนต์ อุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ วิทยุ
2. ใช้ผสมกับโลหะอื่น เป็นโลหะผสม (Alloy) เพิ่มความเหนียวและทนทานต่อการสึกกร่อน
3. ใช้ร่วมกับโลหะนิกเกิล (Nickel) ทำแบตเตอรี่ที่สามารถประจุไฟได้ใหม่ เช่น แบตเตอรี่เครื่องคิดเลข
4. ใช้เป็นเม็ดสีในอุตสาหกรรม
5. สารประกอบแคดเมียมใช้ทำสารกำจัดเชื้อรา สารกำจัดแมลง สารกำจัดหนอน
6. ใช้ในการผลิตหลอดฟลูออเรสเซ็นส์

ข้อมูลจาก : สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม, กรมทรัพยากรน้ำบาดาล

อ่าน : สะพรึง! ซุกกากแร่แคดเมียม 1.5 หมื่นตัน สั่งห้ามเข้าใกล้อาคารเก็บ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง