ก่อนไฟไหม้ "โรงงาน วิน โพรเสส" รัฐพลาดโอกาสยับยั้งหลายครั้ง

สิ่งแวดล้อม
23 เม.ย. 67
12:32
456
Logo Thai PBS
ก่อนไฟไหม้ "โรงงาน วิน โพรเสส" รัฐพลาดโอกาสยับยั้งหลายครั้ง
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

"เกิดขึ้นจนได้" คำพูดสั้นๆ ของลุงเทียบ สมานมิตร บอกเล่าความรู้สึกทุกอย่างของเขาต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 22 เม.ย.2567

ประมาณ 9.00 น. วันที่ 22 เม.ย.2567 เกิดเหตุไฟไหม้กองถังสารเคมีภายในที่ตั้งของ บริษัท วิน โพรเสส จำกัด อยู่ที่ชุมชนหนองพะวา ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง สร้างความวิตกกังวลให้กับประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก พวกเขากระจายตัวกันออกไปบันทึกภาพเหตุการณ์นี้ตามจุดต่างๆ เห็นทั้งเปลวเพลิงลุกโหมกระหน่ำอยู่ในอาคารที่ถูกเรียกว่าโรงงาน และหากถ่ายภาพจากระยะไกล ก็จะเห็นกลุ่มควันสีดำหนาทึบลอยสูงอย่างน่าหวาดหวั่นขึ้นไปในอากาศ ถูกลมพัดกระจายไปไกล

ลุงเทียบ มีบ้านอยู่ติดกับรั้วของ บริษัท วิน โพรเสส ตั้งแต่ปี 2563 สวนยางพาราบนพื้นที่ 30 ไร่ ของเขาที่ปลูกไว้ติดกับรั้วโรงงานค่อยๆ ให้น้ำยางน้อยลง ก่อนจะทยอยยืนต้นตายไปทีละต้นจนหมดทั้งสวน

จากเจ้าของสวนยางพารา 30 ไร่ ที่หวังจะใช้เลี้ยงครอบครัวไปได้อีกกว่า 20 ปี ลุงเทียบจึงกลายเป็นคนไม่มีรายได้ จนต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ ร้องเรียน ฟ้องร้องคดีต่อโรงงานและหน่วยงานรัฐที่ละเลยการกำกับดูแลโรงงานจนทำให้เกิดผลกระทบ รวมทั้งยังพยายามดิ้นรนที่จะฟื้นฟูที่ดินของตัวเอง ถึงแม้จะชนะคดีความทางแพ่งไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับเงินเยียวยาแม้แต่สตางค์เดียวก็ตาม

ลุงเทียบ สมานมิตร

ลุงเทียบ สมานมิตร

ลุงเทียบ สมานมิตร

"ลุงเทียบ พยายามปลูกนั่นปลูกนี่ แกรู้ว่า ที่ดินเดิมมันปลูกอะไรไม่ได้ แกก็ไปซื้อดินมาถมให้สูงขึ้น และปลูกพืชที่มีรากสั้นๆ ไม่ให้ลงไปเจอดินเดิม แกลงมะม่วง พุทรา ทุเรียน ก็ยังไม่รู้จะได้ผลยังไง ผมก็ต้องคอยไปคุยกับแกเรื่อยๆ เพราะแกเครียด"

สนิท มณีศรี ชาวชุมชนหนองพะวาอีกหนึ่งคนที่ก้าวออกมาต่อสู้กับโรงงาน เล่าถึงความพยายามของลุงเทียบ ที่จะต้องอาศัยอยู่ที่บ้านเดิมต่อไป เพราะที่ดินที่ปนเปื้อนสารเคมีอันตรายจนต้นยางพาราตายทั้งสวน ไม่สามารถขายต่อให้ใครได้

"ลุงเทียบ กลัวไฟไหม้ที่สุด ก่อนหน้านี้ ลุงเทียบ ก็พยายามเกลี่ยดินอยู่เรื่อยๆ เพื่อทำเป็นแนวกันไฟ ... ที่พวกเรากลัวไฟไหม้โรงงาน ก็เพราะเราเห็นบทเรียนมาแล้วจากโรงงานที่มีปัญหาเรื่องการลักลอบทิ้งสารเคมีหลายแห่งมักจะเกิดไฟไหม้ ทั้งที่โรงงานแว็กซ์ กาเบ็จ ราชบุรี โรงงานที่กลางดง โคราช โรงงานที่ภาชี อยุธยา ซึ่งเราก็รู้กันอยู่ว่า โรงงานบางแห่งมีประวัติเชื่อมโยงกับโรงงานที่บ้านเรา"

"ผมก็กลัวไฟไหม้ เพราะของมันถูกเก็บไว้ที่นี่นานมากแล้ว ตั้งแต่โรงงานประกาศปิดตัวลงไปเอง (2 ก.ค.2563) ก่อนจะถูกสั่งปิดจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม มันผ่านมาเกือบ 4 ปีแล้ว ก็มีแต่คำสั่งให้เอาถังพวกนี้ไปกำจัดอย่างถูกต้อง แต่เขาก็ไม่ทำอะไรเลย อ้างว่าไม่พร้อมบ้าง อ้างฝนตกบ้าง จนเมื่อประมาณต้นปี 2567 ที่ผ่านมา ผมได้เข้าดูข้างใน ก็เห็นเลยว่ามันเละเทะกว่าแต่ก่อนมาก ถัง 200 ลิตรที่วางซ้อนกันชั้น 2 ชั้น 3 มันล้มลงมากระจัดกระจาย ของเหลวจากถังก็ไหลเจิ่งนองอยู่บนพื้นเต็มไปหมด ทิ้งไว้ จนในที่สุดมันก็เกิดไฟไหม้ สร้างความเสียหายร้ายแรงจนได้"

"พวกเราชาวบ้าน ไม่ได้จะกล่าวหาว่าอะไรคือสาเหตุของไฟไหม้นะครับ แต่ในเมื่อมันเคยเกิดขึ้นที่โรงงานอื่นบ่อยๆ พวกเราก็มีสิทธิที่จะกังวล มีสิทธิที่จะคิด"

สนิท มณีศรี ชาวชุมชนหนองพะวา

สนิท มณีศรี ชาวชุมชนหนองพะวา

สนิท มณีศรี ชาวชุมชนหนองพะวา

สนิท เล่าย้อนถึงสภาพในโรงงานและสถานการณ์ที่ถังสารเคมีเหล่านี้ไม่ถูกส่งไปกำจัด เพราะเขามองว่า สิ่งที่หน่วยงานรัฐละเลย จัดการไม่ได้ ในที่สุดก็กลายเป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่ส่งผลในวงกว้างออกไปอีกจนได้

แต่หากมองย้อนกลับไปไล่เรียงมาตั้งแต่ปี 2553 ก็จะพบว่า หากเจ้าหน้าที่รัฐบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง วิน โพรเสส ก็อาจจะไม่สามารถสร้างความเสียหายได้มากมายถึงเพียงนี้

เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการต่อสู้ของชาวชุมชนหนองพะวากับโรงงานวิน โพรเสส และหน่วยงานของรัฐ เราจะพบว่า มีโอกาสหลายครั้งแล้วที่หน่วยงานรัฐจะระงับยับยั้งความเสียหายนี้ได้ ... แต่มันกลับไม่เกิดขึ้น

อ่านข่าว : จ่อประกาศ 2 ตำบลพื้นที่ประสบสาธารณภัย ไฟไหม้ "วิน โพรเสส"

โอกาสยับยั้งครั้งที่ 1

ปี 2554 โรงงานวิน โพรเสส มาตั้งที่ชุมชนหนองพะวา พยายามขอใบอนุญาตจัดตั้งโรงงาน (รง.4) เป็นโรงงานลำดับที่ 105 โรงงานประเภทคัดแยกขยะหรือฝังกลบของเสียไม่อันตราย แต่ถูกชาวบ้านรวมตัวกันต่อต้าน จึงไม่ได้รับใบอนุญาต
แต่โรงงานวิน โพรเสส ไม่ถูกปิด ยังคงมีอาคารอยู่ในพื้นที่ และมีรถขนส่งวิ่งเข้าออกโรงงาน

โอกาสยับยั้งครั้งที่ 2

ปี 2557 ชาวหนองพะวาพบว่ามีน้ำเสียเกิดขึ้นในชุมชน และมีกลิ่นเหม็นออกมาจากที่ตั้งของโรงงานวิน โพรเสส จนนักเรียนซึ่งอยู่ใกล้กับโรงงานไม่สามารถเรียนหนังสือได้ และชาวบ้านเห็นมีรถขนของเสียเข้าไปในโรงงานบ่อยๆ จึงรวมตัวกันนำรถแบคโฮไปขุดดินในพื้นที่ของโรงงาน โดยไม่กลัวจะถูกแจ้งจับเพราะในขณะนั้น วิน โพรเสส ยังไม่มีใบอนุญาตแม้แต่ใบเดียว และก็พบน้ำเสียไหลอยู่ในหลุมฝังกลบ ส่งกลิ่นเหม็นรุนแรง จนบางคนถึงกับอาเจียนออกมา

แต่โรงงานวิน โพรเสส ก็ยังไม่ถูกปิด และมีความเปลี่ยนแปลงในอีก 3 ปี ต่อมา

"ชาวบ้านประท้วง คัดค้าน ต่อต้านโรงงานไปเรื่อยๆ เราไปขุดจนได้หลักฐานว่าโรงงานลักลอบเอาขยะมาฝังโดยไม่ได้รับอนุญาต เราก็หวังว่าโรงงานจะถูกสั่งปิด ควรจะถูกดำเนินคดี แต่อีก 3 ปี ต่อมา โรงงานที่เราเรียกว่า เถื่อน เพราะไม่เคยมีใบอนุญาตมาตลอด กลับกลายเป็นได้รับใบอนุญาตทีเดียว 3 ใบ ในปี 2560 ทำให้พวกเรามีความรู้สึกไม่ดีต่อหน่วยงานของรัฐ" สนิท กล่าว

วันที่ 8 มี.ค.2560 วิน โพรเสส ที่ถูกร้องเรียนมาตลอด ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน 2 ใบพร้อมกัน คือ ใบอนุญาตลำดับที่ 40 บดอัดกระดาษ และใบอนุญาตลำดับที่ 60 หล่อหลอมโลหะ

5 ก.ย.2560 วิน โพรเสส ยังได้รับใบอนุญาตอีก 1 ใบ คือ โรงงานลำดับที่ 106 (รีไซเคิล) คืนสภาพกรดหรือด่าง ทำเชื้อเพลิงผสม และล้างภาชนะบรรจุภัณฑ์ด้วยตัวทำละลาย แต่ก็ไม่เคยแจ้งขอประกอบการ คือ ไม่เคยแจ้งขอเดินเครื่องจักร ไม่เคยให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจเครื่องจักรด้วยใบอนุญาตใบนี้ ดังนั้น จึงถือว่ายังไม่สามารถดำเนินการรีไซเคิลได้

หลังจากนั้น มีรถขนส่งของเสียอันตรายวิ่งเข้าออกโรงงานอย่างต่อเนื่อง จนแหล่งน้ำในหนองพะวาเริ่มเปลี่ยนสี ต้นยางพาราของลุงเทียบเริ่มเสียหาย

ระหว่างปี 2557-2560 นอกจากวิน โพรเสส จะไม่ถูกยับยั้ง กลับยังได้สถานะโรงงานตามกฎหมายเพิ่มขึ้น

โอกาสยับยั้งครั้งที่ 3

13 พ.ค.2563 ที่ประชุมติดตามการแก้ปัญหาข้อร้องเรียนจากโรงงาน วิน โพรเสส มีมติให้ปิดโรงงานเพราะไม่มีใบอนุญาตนำสารเคมีมาบำบัด และมีการตรวจสอบเพิ่มเติมวันที่ 20 พ.ค.2563 พบว่า การจัดเก็บน้ำมันเครื่องที่ใช้แล้วปริมาณมากในโรงงานอาจก่อให้เกิดอันตราย จึงสั่งให้จัดเก็บให้ถูกต้องตามกฎหมาย และห้ามประกอบกิจการโรงงานจนกว่าจะได้รับอนุญาต แต่ในที่สุดก็มีหนังสือจากอุตสาหกรรม จ.ระยอง ถีง วิน โพรเสส ลงวันที่ 28 พ.ค.2563 ขอให้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย

สวนยางของลุงเทียบที่ได้รับผลกระทบจากไฟใหม้โรงงาน วิน โพรเสส

สวนยางของลุงเทียบที่ได้รับผลกระทบจากไฟใหม้โรงงาน วิน โพรเสส

สวนยางของลุงเทียบที่ได้รับผลกระทบจากไฟใหม้โรงงาน วิน โพรเสส

คำถาม คือ วิน โพรเสส ต้องทำอย่างไร จึงจะสามารถปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย แม้จะมีใบอนุญาตที่ขอแจ้งประกอบการแล้ว 2 ใบ คือ ลำดับที่ 40 บดอัดกระดาษ และลำดับที่ 60 หล่อหลอมโลหะ แต่ในเมื่อไม่มีใบอนุญาตรีไซเคิล ไม่มีใบอนุญาตครอบครองวัตถุอันตรายประเภทสารเคมีที่พบในโรงงานคือน้ำมันที่ใช้แล้วได้

และปัญหาที่ใหญ่ที่สุด คือ เมื่อมีการร้องเรียนอีกครั้งในช่วงต้นเดือน มิ.ย.2563 มีองค์กรเอกชนและชาวหนองพะวาเข้าไปร่วมตรวจสอบภายในโรงงาน พบทั้งถังสารเคมีขนาด 200 และ 1000 ลิตร จำนวนมากมายในพื้นที่โรงงานโดยเป็นการจัดเก็บที่ไม่ถูกต้อง ยังมีถุงบิ๊กแบ็กบรรจุกากของเสียบางอย่าง มีกองกากตะกอนน้ำมันที่ไม่ใช้แล้วกองอยู่อีกเป็นจำนวนมาก แต่ "ไม่มี" เครื่องจักร แม้แต่ชิ้นเดียว

แต่คำตอบที่ชาวหนองพะวาได้รับจากอุตสาหกรรม จ.ระยอง ไม่ใช่คำว่า "เพิกถอนใบอนุญาต - ดำเนินคดี - สั่งปิด" แต่เป็นคำว่า "สั่งให้ ปิด ปรับปรุง" ท่ามกลางคำถามจากชาวหนองพะวา

เมื่อโรงงานไม่มีเครื่องจักรแม้แต่ชิ้นเดียว วิธีการปรับปรุงที่อุตสาหกรรม จ.ระยอง ต้องการให้เกิดขึ้นคืออะไร ?

ดังนั้นคำสั่ง "ปิด-ปรับปรุง" ก็เป็นแค่คำสั่งที่ไม่มีผลอะไร ใช่หรือไม่ ?

อ่านข่าว : วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นผู้ได้รับสารพิษ "จากการสูดดม"

โอกาสยับยั้งครั้งที่ 4

11 มิ.ย.2563 คือ วันแรกที่เจ้าพนักงานอุตสาหกรรม จ.ระยอง เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ วิน โพรเสส ฐานครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการเข้าตรวจสอบโรงงานไปตั้งแต่ 6 เดือนก่อน

เมื่ออุตสาหกรรม จ.ระยอง ถูกตั้งคำถามว่า ทำไมจึงไม่แจ้งข้อหาครอบครองวัตถุอันตรายกับ วิน โพรเสส ตั้งแต่แรก มีคำตอบว่า ต้องรอให้โรงงานนำเอกสารมายืนยัน

ทั้งที่การตรวจสอบว่าโรงงานมีใบอนุญาตครอบครองวัตถุอันตรายหรือไม่ สามารถทำได้ง่ายๆด้วยการพิมพ์ชื่อโรงงานเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม

ไม่จำเป็นต้องรอเอกสารยืนยันใดๆจากโรงงาน ไม่ต้องปล่อยให้เกิดความเสียเพิ่มไปอีก 6 เดือน

จริงๆ แล้ว ยังมีคำถามที่ไม่มีคำตอบจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมด้วย นั่นคือ ถังสารเคมี บิ๊กแบ็ก กองกากตะกอนน้ำมัน ถูกเคลื่อนย้ายมารวมกันอยู่ที่ วิน โพรเสส ซึ่งไม่มีใบอนุญาตใดที่เกี่ยวข้องเลยได้อย่างไร ในเมื่อมีระบบกำกับการขนส่งของเสียอันตรายของกรมโรงงานฯ ที่จะเห็นตำแหน่ง GPS ของรถทุกคัน

ดังนั้น ในสายตาของชาวหนองพะวา เจ้าหน้าที่รัฐ มีโอกาสมากมายที่จะหยุดยั้งความเสียหายจาก วิน โพรเสส ที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขา เพียงแต่โอกาสเหล่านั้นถูกปล่อยให้ผ่านไป ครั้งแล้ว ครั้งเล่า

"เกิดขึ้นจนได้" ... "ไฟไหม้จนได้" สนิท มณีศรี ทวนคำพูดของลุงเทียบ เจ้าของสวนยางที่ไม่มีอยู่อีกต่อไป

"ตั้งแต่สู้มา พวกเราต้องเสียทุกอย่าง ลุกขึ้นมาสู้เอง ร่วมมือกับมูลนิธิบูรณะนิเวศฟ้องร้องโรงงานเอง แม้จะชนะคดีไปแล้ว แต่เงินเยียวยาก็ไม่ได้ แถมพวกกากในโรงงานก็ยังไม่ถูกนำไปกำจัด"

"พอเราไปหาหน่วยงานรัฐ เขาก็บอกว่าทำได้แค่นี้ เราพยายามเตือนว่ามันจะมีผลกระทบมากขึ้นนะ อย่างหน้าฝน พายุจะมา เราก็ไปบอกว่าน้ำเสียมันจะล้นออกมานะ แต่หน่วยงานรัฐก็ไม่มาทำอะไรเลย จนมันล้นมาปนเปื้อนจริง และสุดท้าย มันก็เกิดไฟไหม้ เหมือนที่โรงงานอื่นๆ"

สนิท ยังไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ ระหว่างที่ยังมีเปลวเพลิงคุกรุ่นอยู่ในเศษซากถังสารเคมีที่ระเบิดมาตั้งแต่เช้า

รายงานโดย: สถาพร พงษ์พิพัฒน์วัฒนา

อ่านข่าวอื่น :

"ทวี" พร้อมให้ตรวจสอบ กรณี "หมอวรงค์” ร้อง ป.ป.ช.เอาผิดปมช่วย "ทักษิณ"

ชาวบ้านไม่ไว้ใจคุณภาพของบ่อกลบกากแคดเมียมเก่า

"พัชรวาท" ปัด "ลุงป้อม" ถูกโยงวิ่งเต้นกรรมการ ป.ป.ช.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง