ปล่อยตัวผู้ต้องราชทัณฑ์ ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ วันนี้

นายกรัฐมนตรี ระบุ การได้รับพระราชทานอภัยโทษถือเป็นมงคลที่จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ผู้ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ จึงควรยึดมั่นว่าจะประพฤติตนดี ดำรงอาชีพที่สุจริต

กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม จัดพิธีปล่อยตัวผู้ต้องราชทัณฑ์ 2,766 คน จากเรือนจำและทัณฑสถานในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ เนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม ปี 2554 ซึ่งผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับการปล่อยตัววันนี้ (8 ธ.ค.) จะได้รับค่าเดินทางกลับบ้าน คนละ 500 บาท โดย น.ส.ยิงลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พิธีปล่อยตัวผู้ต้องราชทัณฑ์ พร้อมกล่าวแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ และย้ำว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง ซึ่งนับเป็นมงคลที่จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ จึงขอให้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยการยึดหลักที่จะประพฤติตนเป็นคนดีและดำรงอาชีพอย่างสุจริต

ขณะที่ผู้ต้องราชทัณฑ์เรือนจำจังหวัดลำปางและจังหวัดตาก ที่ได้รับการปล่อยตัว ร่วมกันปฏิญาณตนและฟังเทศน์ เพื่อเป็นแนวทางในการดำรงชีวิตต่อไป ส่วนที่เรือนจำจังหวัดเลย และจังหวัดนครราชสีมา มีญาติและบุคคลใกล้ชิด เดินทางมารอรับผู้ต้องราชทัณฑ์ ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งหนึ่งในนั้นผู้ต้องราชทัณฑ์จากคดีการชุมนุม อาทิ นายสมเกียรติ เจือจาน แกนนำสมัชชาคนจน จังหวัดศรีสะเกษ ที่ต้องโทษบุกรุก ระหว่างการชุมชนุมคัดค้านการก่อสร้างฝายราษีไศล เมื่อปี 2543, และนายเอกชัย ศรีพุทธา กับนายสุพัฒน์ ผลทองวิจิตร แกนนำต่อต้านโรงโม่หิน อำเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู

การปล่อยตัวผู้ต้องราชทัณฑ์ ชุดแรกวันนี้ รวมทั่วประเทศ 12,000 คน ส่วนชุดที่ 2 จะเป็นการพระราชทานอภัยโทษ-ลดโทษ จึงเป็นเหตุให้หมดโทษและได้รับการปล่อยตัว ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 18 ธันวาคม โดยหนึ่งในนั้นมีนายเสริม สาครราษฎร์ คดีฆ่าหั่นแฟนสาว สำหรับการพระราชทานอภัยโทษ ปี 2554 ครั้งนี้ ผู้ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัว จะเป็นผู้ต้องคดีเล็กน้อย เจ็บป่วย พิการ หรือทุพลลภาพ และผู้มีอายุไม่เกิน 20 ปี ขณะที่หลักเกณฑ์พระราชทานอภัยโทษ ยังคงเป็นหลักเกณฑ์เดียวกับ ปี 2553 ซึ่งรวมผู้ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ทั้งสิ้น 30,000 คน