ผบ.ตร.ระบุเหตุระเบิดราชประสงค์มาจากขบวนการค้ามนุษย์-ส่งกลับอุยเกอร์

อาชญากรรม
15 ก.ย. 58
07:02
69
Logo Thai PBS
ผบ.ตร.ระบุเหตุระเบิดราชประสงค์มาจากขบวนการค้ามนุษย์-ส่งกลับอุยเกอร์

ผบ.ตร.ยืนยันระเบิดราชประสงค์และเหตุทำลายสถานทูตไทยในตุรกีเกิดจากความไม่พอใจของกลุ่มค้ามนุษย์ที่ถูกทลายธุรกิจและการส่งชาวอุยเกอร์ 109 คน กลับไปประเทศจีนของทางการไทย

วันนี้ (15 ก.ย.2558) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าวันนี้ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และพล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ เดินทางไปประเทศมาเลเซียเพื่อติดต่อประสานงานข้อมูลเกี่ยวกับการจับผู้ต้องหาหลบหนีเข้าเมือง 3 คนก่อนหน้านี้ และมีกระแสข่าวว่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดแยกราชประสงค์

พล.ต.อ.สมยศ ระบุว่าผู้ต้องหาทั้งหมดที่ประเทศมาเลเซียควบคุมตัวไว้ยังไม่ยืนยันว่าเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดในไทยหรือไม่และควบคุมตัวไว้ด้วยเหตุผลอะไร ซึ่งการเข้าไปประสานงานกับครั้งนี้จะทำให้มีความชัดเจนมากขึ้น และทำให้มีประโยชน์กับทั้ง 2 ประเทศ รวมทั้งการเข้าไปพบผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซียครั้งนี้ยังไม่ใช่การเข้าไปสอบปากคำผู้ต้องหาจนกว่าจะมีหลักฐานชัดเจน

ส่วนที่ทางการตุรกีออกมาปฏิเสธว่านายอีซานไม่ได้เดินทางไปยังประเทศตุรกี ผบ.ตร.ระบุว่าเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะต้องดำเนินการประสานงานตรวจสอบ ซึ่งก่อนหน้านี้ตำรวจพบว่านายอีซานเดินทางจากบังกลาเทศ เดินทางไปกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี และเชื่อว่านายอีซานมีเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติในตุรกี

ส่วนเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ ผบ.ตร.ระบุว่า เป็นผลสืบเนื่องจากการที่ทางการไทยได้เข้าทลายธุรกิจของกลุ่มผู้ต้องหา โดยเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์กับเหตุทำลายสถานทูตไทยในตุรกีมาจากสาเหตุเดียวกันคือไม่พอใจไทยที่ไปทำลายธุรกิจค้ามนุษย์ และส่งชาวอุยเกอร์ 109 คน กลับไปยังประเทศจีน ก็เป็นส่วนหนึ่งในสาเหตุที่ไทยไปปิดกั้นการย้ายถิ่นฐานของชาวอุยกูร์

"เหตุระเบิดที่ราชประสงค์เกิดจากการที่ทางการไทยไปทำลายหรือทำให้ธุรกิจการค้ามนุษย์ถูกขัดขวาง ไม่สามารถทำการได้ต่อไป พูดง่ายๆ เหมือนไปพังธุรกิจเขา จึงเกิดความโกรธเคืองที่ทำให้ธุรกิจที่เขาทำกันมายาวนานและต่อเนื่องต้องยุติลง ไม่สามารถทำต่อไปได้" พล.ต.อ.สมยศกล่าว

ส่วนกรณีมีรายงานข่าวระบุว่าผู้ก่อเหตุระเบิดราชประสงค์ที่เป็นชายเสื้อเหลืองหลบหนีไปประเทศปากีสถาน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังไม่ยืนยันข่าวนี้จนกว่าจะมีความชัดเจน ซึ่งปากีสถานเป็นหนึ่งในประเทศที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติประสานให้ช่วยติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยหรือผู้ต้องหาในคดีระเบิด

ผบ.ตร.ยังกล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวพยานซึ่งเป็นหญิง วัย 40 ปี ไปสอบสวนหลังค้นห้องพักย่านหอการค้าไทย หญิงคนดังกล่าวให้การเป็นประโยชน์ว่าเป็นคนเรียกรถแท็กซี่ให้ชายเสื้อฟ้าหลบหนี ขณะนี้ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การดังกล่าว รวมทั้งกรณีทนายความของนายอาเด็ม คาราดัก ที่ออกมาปฏิเสธว่านายอาเด็มไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด เพราะเป็นสิทธิ์ที่ผู้ต้องหาจะให้การ และมั่นใจหลักฐานว่าสามารถเอาผิดผู้ต้องหาได้ไม่เช่นนั้นศาลไม่อนุมัติหมายจับ

ด้านนายชูชาติ กันภัย ทนายความของนายอาเด็ม คาราดัก ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันมีวัตถุระเบิด ซึ่งเข้าเยี่ยมนายอาเด็มที่เรือนจำชั่วคราว มณฑลทหารราบที่ 11 ยืนยันว่า นายอาเด็มมีสัญชาติตุรกี โดยมีชื่อว่า บินลาเติร์ก มูหัมหมัด เดินทางมาจากเมืองอิสตันบูล ซึ่งอ้างว่าต้องการไปทำงานเป็นคนขับรถแท็กซี่ที่ประเทศมาเลเซีย จึงยอมทำหนังสือเดินทางปลอมที่เวียดนาม จากนั้นได้เดินทางไปลาวและเข้ามาไทยในวันที่ 21 ส.ค.2558 ซึ่งการผ่านเข้ามาไทยมีนายอับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์มาน เป็นนายหน้าจัดหาคนงานตุรกี ไปประกอบอาชีพในประเทศที่ 3 ดำเนินการให้ แต่ต่อมากลับมาถูกจับที่ห้องพักย่านมีนบุรีและอ้างด้วยว่า เจ้าหน้าที่เป็นคนนำวัตถุระเบิดมาวางภายในห้อง ก่อนให้สื่อมวลชนเข้ามาบันทึกภาพ   

"นายอาเด็มบอกว่า ในห้องของเขาไม่มีวัตถุอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ประกอบระเบิดเลย เขาเล่าว่าตำรวจบุกมาตรวจค้นห้องและควบคุมตัวเขาเวลาประมาณ 10.00 น.ของวันที่ 29 ส.ค.2558 ต่อมาเวลาประมาณ 14.00-15.00 น.ตำรวจกับทหารก็เอาของที่ใส่ถุงพลาสติกมากองตรงหน้าเขาแล้วเรียกนักข่าวมาถ่ายรูป เขาอธิบายอย่างนั้น" นายชูชาติกล่าว

ระหว่างนี้นายอาเด็มได้ประสานกับทางเจ้าหน้าที่สถานฑูตตุรกีประจำประเทศไทย เพื่อพิสูจน์สัญชาติของนายอาเด็ม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 12.30น. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะหัวหน้าชุดซักถามคดีระเบิดศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์เดินทางออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อไปขึ้นเครื่องบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เดินทางไปประเทศมาเลเซียเพื่อประสานงานกรณีทางการมาเลเซียควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 3 คนที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่ราชประสงค์ เป็นชาวมาเลเซีย 2 คนและชาวปากีสถาน 1 คน

โดยพล.ต.อ.จักรทิพย์ พยายามหลบสื่อมวลชนและไม่ให้สัมภาษณ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่าจะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 17 ก.ย. คณะของพล.ต.อ.จักรทิพย์ประกอบด้วย พล.ต.ท.โทชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และพล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ

ทั้งนี้ ผบ.ตร.ได้เปิดเผยว่าพล.ต.อ.จักรทิพย์ มีความสนิทสนมกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย เนื่องจากเคยประสานงานและทำงานร่วมกันระหว่างสองประเทศ ตั้งแต่สมัยอดีตผู้บังคับบัญชา ซึ่งการเดินทางไปครั้งนี้ทำให้มั่นใจว่าจะทำให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อคดี


ข่าวที่เกี่ยวข้อง