ชาวอียิปต์ประท้วง เหตุไม่พอใจตำรวจป้องกันเหตุนองเลือดในแมตซ์ฟุตบอลไม่ได้
ชาวอียิปต์หลายพันคนชุมนุมประท้วงหน้ากระทรวงมหาดไทยในกรุงไคโร เนื่องจากไม่พอใจที่กองกำลังรักษาความมั่นคง ไม่สามารถป้องกันเหตุจลาจลนองเลือดในแมตช์ฟุตบอลที่เมืองพอร์ท ซาอิด ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปถึง 74 คน แต่การชุมนุมกลายเป็นความรุนแรง เมื่อตำรวจปราบจลาจลยิงแก๊สน้ำตาเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งพยายามฝ่าแนวกั้นเข้าไปในตัวอาคารกระทรวงมหาดไทย ซึ่งอยู่ใกลักับจัตุรัสทาห์รีร์ จนเกิดการปะทะกันอย่างดุเดือด มีผู้ได้รับบาดเจ็บถึง 388 คน โดยผู้ชุมนุมที่เข้าร่วมการประท้วงก็รวมทั้งแฟนบอลของทีมอัล อาห์ลี
ทั้งนี้แฟนบอลของทีมอัล อาห์ลี หรือที่รู้จักกันในชื่อ "อุลทราส" (Ultras) มีบทบาทสำคัญในการลุกฮือชุมนุมประท้วงโค่นอำนาจอดีตประธานาธิบดีฮอสนี่ มูบารัคเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเหตุจลาจลที่เกิดขึ้นในแมตช์ฟุตบอล ทำให้แฟนบอลของทีมอัล อาห์ลี เชื่อว่าตำรวจจงใจปล่อยให้ทีมอัล-มาสรี เป็นฝ่ายก่อเหตุนองเลือดเพื่อล้างแค้นที่แฟนบอลอัล อาห์ลี สนับสนุนการประท้วงโค่นอำนาจอดีตผู้นำจอมเผด็จการ
ก่อนหน้านี้รัฐสภาอียิปต์ได้เรียกประชุมฉุกเฉิน และมีการยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตจากเหตุจลาจลนองเลือด ขณะที่นายกรัฐมนตรีคามัล อัล กานซูรี ได้แจ้งต่อสมาชิกสภาถึงการสั่งปลดหัวหน้าสมาคมฟุตบอลของอียิปต์ เพื่อรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังมีคำสั่งยุบคณะกรรมการของสมาคมทั้งคณะ โดยสมาชิกของสมาคมต้องเข้าให้ปากคำต่ออัยการ ส่วนหัวหน้ากองกำลังรักษาความมั่นคงของเมืองพอร์ท ซาอิด และหัวหน้าฝ่ายสอบถูกพักงานชั่วคราว และถูกควบคุมตัวอยู่ในขณะนี้
ด้านพรรคมุสลิม บราเธอร์ฮุด ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดของอียิปต์กล่าวโทษผู้สนับสนุนของอดีตประธานาธิบดีฮอสนี่ มูบารัค เป็นผู้จุดชนวนความรุนแรงเหตุนองเลือดปะทุขึ้นหลังแมตช์ฟุตบอล ระหว่างทีมอัล อาห์ลี จากกรุงไคโร ทีมอันดับหนึ่งของตาราง กับทีมอัล มาสรี ทีมเหย้า ที่สนามเมืองพอร์ต ซาอิด ซึ่งความรุนแรงเกิดขึ้นทันทีที่การแข่งขันจบลง โดยแฟนบอลของทีมอัล มาสรี ไม่พอใจที่ทีมแพ้ 3-1 จึงกรูเข้าไปในสนามไล่ทำร้ายแฟนบอลของทีมอัล อาห์ลี จนมีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก นับเป็นเหตุจลาจลในเกมกีฬาที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของอียิปต์ และเป็นเหตุนองเลือดครั้งเลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่ที่อดีตประธานาธิบดีมูบารัคที่ถูกโค่นจากอำนาจ