เอกชนจี้รัฐฯ แสดงจุดยืนต่อ กม.ฟอกเงินและก่อการร้าย

ภาคเอกชนขอให้นายกฯ เร่งส่งสัญญาณต่อนานาชาติภายในวันพรุ่งนี้ ถึงจุดยืนในการออกกฎหมายป้องกันการฟอกเงิน และกฎหมายต่อต้านการก่อการร้าย หลังไทยเสี่ยงจะถูกขึ้นบัญชีประเทศเฝ้าระวังปัญหาการฟอกเงิน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศ

มีความเสี่ยงค่อนข้างสูงว่า ไทยอาจถูกคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน (FAT F) ลดอันดับจากกลุ่มประเทศที่อยู่ระหว่างการพัฒนาป้องกันการฟอกเงิน และสนับสนุนการก่อการร้าย ซึ่งกำลังประชุมที่ประเทศฝรั่งเศส ในระหว่างวันที่ 13-17 ก.พ.นี้ โดยไทยอาจถูกลดอันดับจากกลุ่มประเทศสีเทาเข้ม เป็นสีดำอ่อน ซึ่งหมายถึงเป็นประเทศที่ไม่มีความคืบหน้าในการปรับปรุงตามคำแนะนำ ทำให้ต้องถูกเฝ้าระวังการทำธุรกรรมทางการเงินเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับอีก 10 ประเทศ เช่น โบลิเวีย คิวบา พม่า ซีเรีย

สำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่มีนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล เป็นประธาน ต้องการขอให้นายกรัฐมนตรีเร่งส่งสัญญาณต่อนานาชาติภายในบ่ายวันพรุ่งนี้ (17 ก.พ.) ว่า ไทยพร้อมออกกฎหมายป้องกันการฟอกเงิน และกฎหมายต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งยกร่างมาตั้งแต่ปี 2550 แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่บังคับใช้
การส่งสัญญาณดังกล่าวจะช่วยให้ตัวแทนจากประเทศไทย ที่เข้าร่วมประชุม FAT F ใช้เป็นเครื่องมือต่อรองกับคณะทำงาน ซึ่งหากไทยถูกลดอันดับ จะส่งผลต่อการทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศที่จะล่าช้า รวมถึงทำให้ต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้น และถูกกีดกันทางการค้า จากกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ (G 20)