ผู้ว่า กกท.ยอมรับ 
หลังจากมีข่าวว่าสโมสรบีอีซี เทโรศาสน ทีมในศึกฟุตบอลไทย พรีเมียร์ลีก จะเข้ามาขอใช้พื้นที่ภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อก่อสร้างสนามเหน้าของทีม จนเป็นเหตุให้ประชาชนรวมตัวทำเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการกีฬา วุฒิสภา เพื่อตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากนอกจากจะกระทบต่อการออกกำลังกายของประชาชนแล้ว ยังมีเงื่อนไขของปลประโยชน์อีกด้วย
ซึ่งล่าสุดเมื่อวานนี้ ( 16 ก.พ.) นายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยได้เดินทางไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการกีฬา วุฒิสภา โดยยืนยันว่า ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการรับเรื่องเพื่อพิจารณาเท่านั้นยังไม่มีการดำเนินการใด พร้อมทั้งระบุว่าประชาชนนับหมื่นคนที่มาออกกำลังกายภายในการกีฬาแห่งประเทศไทยจะไม่ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน หากมีการดำเนินการก่อสร้างสนามจริง
ขณะเดียวกันผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ยังยืนยันว่า บีอีซี เทโรฯได้ยื่นข้อเสนอพร้อมจะลงทุนก่อสร้างสนามแห่งนี้ด้วยจำนวนเงิน 400 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามพันธกิจของการกีฬาแห่งประเทศไทยที่มีหน้าที่ในการสนับสนุนกีฬาอาชีพ ส่วนกรณีที่มีข้อสังเกตว่า กกท.มีอำนาจในการให้เอกชนเข้ามาเช่า หรือใช้สิทธิในพื้นที่ของ กกท. หรือไม่นั้น ผู้ว่าการ กกท.บอกว่า กกท.มีการดำเนินการด้านสิทธิประโยชน์มาตั้งแต่สมัยนายสันติภาพ เตชะวณิชย์ เป็นผู้ว่าการ กกท.แล้ว และที่ผ่านมามีการใช้พื้นที่ กกท.ในการหารายได้เข้ามาเพิ่มเติมนอกจากงบประมาณที่ได้รับจากภาครัฐ ที่สำคัญการดำเนินการเรื่องสิทธิประโยชน์ถือเป็นตัวชี้วัดอย่างหนึ่งของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน กกท.ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจจึงมีอำนาจทำได้ และก่อนหน้านี้ กกท.เคยให้สโมสรเมืองทอง หนองจอก ยูไนเต็ด เช่าพื้นที่บริเวณเมืองทองธานีเป็นเวลา 30 ปีในการสร้างสนามยามาฮ่า สเตเดี้ยม
อย่างไรก็ตามเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างโปร่งใส หลังจากนี้ กกท. จะเปิดโอกาสให้สโมสรอื่น ๆ ที่สนใจยื่นข้อเสนอเข้ามา รวมทั้งกระบวนการหลังจากนี้ก็จะทำอย่างเปิดเผย โดยยึดถือผลประโยชน์ของประชาชน และประเทศเป็นหลัก