“ศ.นพ.ประเวศ” ชี้ความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรม เป็นปัญหาใหญ่ของมนุษยชาติ

2 เม.ย. 55
14:47
13
Logo Thai PBS
“ศ.นพ.ประเวศ” ชี้ความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรม เป็นปัญหาใหญ่ของมนุษยชาติ

เหตุจากปัญหาเชิงโครงสร้าง ย้ำใช้กระบวนการสมัชชาแก้ปัญหา แนะชุมชนจัดการตนเอง สร้างพลังพลเมือง พลังจิตสำนึก นำประเทศไทยให้สังคมเป็นสุขและยั่งยืน

ศ.นพ.ประเวศ วะศี ประธานกรรมการสมัชชาปฏิรูป กล่าวปิดการประชุมสมัชชาระดับชาติครั้งที่ 2 เมื่อวานนี้ (1 เมษายน 2555) ณ ไบเทคบางนา ว่า “จากการประชุมอย่างทุ่มเทตลอดของสมัชชาปฏิรูประดับชาติ ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างดี

โดยที่ประชุมมีมติรับรองทั้ง 6 มติ คือ เรื่องการปฏิรูประบบแรงงานและสวัสดิการ การปฏิรูประบบเกษตรกรรม การปฏิรูปโครงสร้างอำนาจสู่การปรับดุลอำนาจที่เหมาะสมระหว่างรัฐบาลกับชุมชนท้องถิ่น  การปฏิรูประบบการเมือง การปฏิรูปโครงสร้างและกฎหมายด้านที่ดิน และการปฏิรูปการศึกษา  ซึ่งต่อจากนี้จะเข้าสู่กระบวนการปฏิบัติ โดยจะมีคณะกรรมการติดตามการปฏิบัติที่มี นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ เป็นประธาน คอยติดตามการดำเนินงาน และจะประสานผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาร่วมกันทำงาน เพื่อให้เกิดการปฏิบัติจริงตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ แต่อย่างไรก็ตามจะต้องอาศัยพลังของประชาชนในการเข้ามามีส่วนร่วม”           

ศ.นพ.ประเวศ กล่าวว่า ความเป็นธรรม ความเหลื่อมล้ำ ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้นที่ต้องเผชิญกับปัญหานี้ แต่ทั่วโลกรวมทั้งประเทศที่เจริญแล้ว อาทิ ประเทศอังกฤษ ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็มีปัญหาความเหลื่อมล้ำอย่างมากเช่นกัน โดยเฉพาะความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยนำไปสู่ปัญหาด้านสุขภาพ สังคม ความขัดแย้ง ความรุนแรง ต่อไป

ทั้งนี้ ยอมรับว่าปัญหาความไม่เป็นธรรม ความเหลื่อมล้ำ กำลังเป็นประเด็นใหญ่ของมนุษยชาติ ขณะเดียวกันการแก้ไขก็ทำได้ยากเพราะเป็นปัญหาในเชิงโครงสร้าง แต่ที่สุดแล้วเชื่อว่าสามารถแก้ไขได้ด้วยกระบวนการสมัชชา ที่มีการทำงานอย่างเข้มข้น ผ่านการประชุม การหามติข้อตกลง ซึ่งถือเป็นการสร้างนวัตกรรมสังคม และจะนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างแท้จริง ซึ่งตนกล้าพูดว่าไม่เคยมีประเทศใดใช้กระบวนการดังกล่าว เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงการประชุมตัวแทนจากรัฐบาล ตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ แทนที่จะเป็นตัวแทนจากคนทุกภาคส่วนตามกระบวนการในสังคม

"พลังพลเมือง จะเป็นพลังที่เข้ามาจัดการ ทำให้ชุมชนรู้จักการจัดการตัวเอง ท้องถิ่นจัดการตัวเอง และจังหวัดจัดการตัวเอง โดยไม่ต้องรอคอยความช่วยเหลือภาครัฐ และเมื่อพลังพลเมืองเพิ่มขึ้น เข้มข้นขึ้น สิ่งดีๆ ก็จะเกิดขึ้นตามมา ซึ่งท้ายสุดคงไม่มีอะไรมาขัดขวางพลังของพลเมืองที่เป็นอำนาจที่มหาศาลได้ และจะส่งผลให้พลังพลเมือง สมานสมดุลกับพลังรัฐ และพลังทุน สู่การเป็นสังคมสมานุภาพต่อไป" ศ.นพ.ประเวศกล่าว

สิ่งสำคัญที่สุด คือ ทุกพลังจะต้องมีพลังจิตสำนึก เพราะเมื่อมีพลังจิตสำนึกก็จะสร้างพลังอื่นๆ ตามมาด้วย มีพลังฉันทะ  มีความกล้าที่จะต่อสู้ และท้ายที่สุดเมื่อสามารถลดความเหลื่อมล้ำ  และสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้น จะทำให้ประเทศไทย กลายเป็นไท  มีความเป็นธรรม และทำให้ลูกหลาน อยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนและเป็นสุขต่อไป

 
 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง