เพื่อไทยเตรียมวิเคราะห์สาเหตุแพ้เลือกตั้งซ่อม
ทันทีที่พรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้การเลือกตั้งซ่อมผู้แทนราษฎรเขต 5 จังหวัดปทุมธานี มีการตั้งข้อสังเกตในคะแนนเสียงที่เลือกพรรคเพื่อไทยน้อยลงมากกว่าครึ่งจากการเลือกตั้งเมื่อ 3 กรกฏาคม 2554 ซึ่งการเลือกตั้งใหญ่ครั้งนั้นว่าที่ ร.ต.สุเมธ ฤทธาคนี จากพรรคเพื่อไทย ที่ลาออกไปสมัครเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้คะแนนกว่า 49,000 คะแนน ส่วนนายเกียรติศักดิ์ ส่องแสง ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ ครั้งนั้นได้คะแนน 34,000 คะแนน แพ้ไปกว่า 14,000 คะแนน
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่เชื่อว่าเหตุผลที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้รับเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้มาจากความไม่พอใจในการทำงานของรัฐบาลในช่วงน้ำท่วม โดยเฉพาะการที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน
ขณะที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเชื่อว่าสาเหตุการพ่ายแพ้ มาจากการมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งค่อนข้างน้อย แต่อาจจะมีเรื่องของอารมณ์ของประชาชนต่อการช่วยเหลือปัญหาอุทกภัยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มองว่าการชนะเลือกตั้งนี้มาจากตัวผู้สมัครคือนายเกียรติศักดิ์ ที่ลงพื้นที่ทำงานในช่วงน้ำท่วมอย่างหนัก แต่ยอมรับว่าการที่ประชาชนมาใช้สิทธิ์น้อยนั้นเป็นเสียงสะท้อนว่าประชาชนยังไม่พึงพอใจในพรรคการเมืองทั้ง 2 พรรค
มีรายงานวิเคราะห์สาเหตุของการพ่ายแพ้การเลือกตั้งซ่อมเขต 5 จังหวัดปทุมธานี ทั้งที่เป็นพื้นที่ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยที่ครองมากว่า 10 ปี เนื่องจากประชาชนในพื้นที่ซึ่งสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ไม่รู้จักนายสมชาย ซึ่งเป็นคู่สมรสของ น.ส.พรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี เขต 4 พรรคเพื่อไทย ประกอบช่วงเวลาในการหาเสียงมีน้อย และนายสมชายไม่จริงจังในการหาเสียงเนื่องจากมั่นใจในฐานเสียงของพรรค เมื่อเทียบกับนายเกียรติศักดิ์ที่ลงหาเสียงมาอย่างต่อเนื่องในช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมา และประชาชนได้เห็นผลงานมาโดยตลอด
นอกจากนี้ ประชาชนในพื้นที่ยังไม่พอใจกับการที่ว่าที่ ร.ต.สุเมธลาออกจาก ส.ส.จังหวัดปทุมธานี เพื่อไปลงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และที่ผ่านมาว่าที่ ร.ต.สุเมธ ในฐานะ ส.ส.ไม่ได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่อย่างเต็มที่
นายสุริยะใส กตะศิลา อดีตผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตประชาชนเพื่อประชาธิปไตยวิเคราะห์ความพ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมที่ตกต่ำของรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรย่ามใจกับผลเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้อาจสะท้อนแค่สุ้มเสียงจากชนชั้นกลางเท่านั้น ยังไม่ใช่คนระดับล่างจริงๆ ซึ่งเป็นจุดที่พรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้ทางการเมืองมาตลอด