ดีเอสไอยังลงพื้นที่แกะรอยเส้นทาง"ซูโดอีเฟดรีน" ต่อเนื่อง-ชี้ทำเป็นขบวนการระดับประเทศ

อาชญากรรม
27 เม.ย. 55
03:22
11
Logo Thai PBS
ดีเอสไอยังลงพื้นที่แกะรอยเส้นทาง"ซูโดอีเฟดรีน" ต่อเนื่อง-ชี้ทำเป็นขบวนการระดับประเทศ

การแกะรอยที่มาของยาแก้หวัดสูตรซูโดอีเฟดรีนของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหลายพื้นที่มีความคืบหน้า โดยพบความเชื่อมโยงระหว่างเภสัชกรในโรงพยาบาลหลายแห่งในต่างจังหวัดกับเครือข่ายต้องสงสัยค้ายาเสพติดมารับช่วงต่อ มีหน้าที่จัดหาสถานที่ซุกซ่อนยา หลังจากแอบอ้างสั่งซื้อในนามของโรงพยาบาล

พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ สอบปากคำเจ้าของบ้านเช่าเลขที่ 111/1 หมู่ 2 ตำบลสันกลาง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งนายอุดร การสมพรต ผู้ต้องหาคดียาแก้หวัดสูตรซูโดอีเฟดรีนเช่าไว้สำหรับเป็นสถานที่รับยาและแกะยาจากโรงพยาบาลทองแสนขันธ์ และ โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี

จากนั้นได้เดินทางไปบ้านเลขที่ 90/19 หมู่บ้านกาญจน์กนก 2 ถนนวงแหวนรอบ 3 ตำบลสันปูเลย อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งนายสมชัย รักยอดยิ่ง ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับคดีเดียวกับนายอุดรได้ซื้อไว้อยู่กับครอบครัวเพื่อขยายผลในคดีดังกล่าว

พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า การสอบสวนมีความคืบหน้าไปมาก และ คำให้การของพยานบุคคลหลายปากเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี

ขณะที่วันนี้ ( 27 เม.ย.) เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษจะไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพิ่มจากที่ตำรวจได้ส่งสำนวนให้ก่อนหน้านี้ เช่นกับที่จังหวัดบุรีรัมย์ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าสอบนาย สมพงษ์ ตีรถะ เภสัชกรปฏิบัติการโรงพยาบาลหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ ที่แอบอ้างชื่อโรงพยาบาลสั่งซื้อยาซูโดอีเฟดรีนเกินจำนวนที่ทางโรงพยาบาลสั่งซื้อ 8 ครั้ง รวม 90,000 เม็ด และชนิดน้ำอีก 1,500 ขวด ไปจำหน่ายที่ร้านขายยาของตัวเอง เพื่อหาเส้นทางการกระจายยาของเภสัชกร และ การเชื่อมโยงกับเครือข่ายยาเสพติดว่านำไปเป็นสารตั้งต้นผลิตยาเสพติดหรือไม่

นอกจากนี้ยังสอบเจ้าหน้าที่พัสดุที่มีหน้าที่จัดเก็บและจ่ายยารวมถึงเภสัชกรและเจ้าหน้าที่ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกำกับดูแลยาภายในโรงพยาบาลเพื่อนำข้อมูลการสอบสวนส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอน

นพ.บุญโฮม แก้วชนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหนองกี่ ระบุว่า ทางโรงพยาบาลพร้อมให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อคลี่คลายคดี แต่ยืนยันว่า ทางโรงพยาบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นการกระทำเฉพาะตัวบุคคลตามที่เภสัชกรได้ให้การรับสารภาพในเบื้องต้น

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง