ไทยเตรียมขอตัว "หน่อคำ" หัวหน้าโจรสลัดเรียกค่าคุ้มครองแม่น้ำโขงมาดำเนินคดี

อาชญากรรม
1 พ.ค. 55
04:46
17
Logo Thai PBS
ไทยเตรียมขอตัว "หน่อคำ" หัวหน้าโจรสลัดเรียกค่าคุ้มครองแม่น้ำโขงมาดำเนินคดี

ปัญหายาเสพติดที่ยังคงมีการจับกุมผู้ค้า และตรวจยึดของกลางอย่างเนื่อง เมื่อวานนี้ (30 เม.ย) กระทรวงการต่างประเทศ มีรายงานว่าทางการลาวจับกุม พ่อค้ายาเสพติด และหัวหน้าโจรสลัดเรียกค่าคุ้มครองแม่น้ำโขง ซึ่งทางการไทยก็เตรียมทำเรื่องขอส่งตัวมาดำเนินคดีในประเทศไทย

ตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ ร่วมกับตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด และตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรอำเภอวังชิ้น ตั้งด่านสกัดที่ด่านบ้านหาดรั่วถนนสายศรีสัชนาลัย - วังชิ้น ตำบลวังชิ้น จ.แพร่ โดยขณะที่ที่เข้าตรวจตรวจค้นรถยนต์ และ รถระบะต้องสงสัย สามารถจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติด ที่ร่วมกันจำหน่ายทั้งครอบครัว โดยที่ โดยยึดยาบ้า 84,000 เม็ด โทรศัพท์มือถือ และเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง เป็นของกลาง

ผู้ต้องหา คือ นายพงษ์ศักดิ์ รัตนดิลกกุล ชาว จ.เชียงใหม่ และ น.ส.เดือนเพ็ญ แซ่ย่าง ภรรยา และ นางกัญญาวี แซ่ย่าง เป็นมารดาของ น.ส.เดือนซึ่งจากการตรวจค้น พบของกลางยาบ้าซุกซ่อนอยู่ที่ประตูรถทั้ง 2 ข้าง และ เงินสดจากตัวผู้ต้องหาอีก 49,400 บาท โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่า รับจ้างขนยาบ้ามาจาก จ.เชียงใหม่ เพื่อไปส่งลูกค้าที่ จ.สุโขทัย ตำรวจจึงควบคุมผู้ต้องหาทั้งหมดไว้สอบสวน ขยายผลไปยังเครือข่ายต่อไป

เมื่อวานนี้ (30 เม.ย.) มีรายงานว่า ทางการลาวจับกุม และ ควบคุมตัว นายหน่อคำ พ่อค้ายาเสพติดและหัวหน้าโจรสลัดเรียกค่าคุ้มครองแม่น้ำโขงไว้ ซึ่ง นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า มีการจับกุมตัวได้จริง ซึ่งทางการไทยรอข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูว่าสามารถยื่นขอให้มีการส่งตัวมาดำเนินคดีในไทยได้หรือไม่  

นายสุรพล แก้วภราดัย ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เรียกประชุมผู้บังคับหน่วย ผู้คุม และเจ้าหน้าที่ มอบนโยบายในการทำงาน หลังเข้ารับตำแหน่ง พร้อมเปิดเผยข้อมูลการตรวจค้นในเรือนจำ ที่ยังคงพบโทรศัพท์เคลื่อนที่ 39 เครื่อง ถูกซุกซ่อนไว้อย่างดี จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และเตรียมขยายผลต่อ

รวมถึง สั่งตั้งกรรมการ 3 ชุด ตรวจสอบและลงโทษเจ้าหน้าที่เรือนจำและนักโทษที่กระทำผิด และ สั่งการให้มีการตรวจสอบการเข้า-ออกภายในเรือนจำของเจ้าหน้าที่ทุกระดับชั้น ไม่เว้นแม้แต่ผู้บัญชาการ รวมทั้งการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ในเรือนจำทุกแดน 139 ตัว  

ขณะที่ความคืบหน้าการดำเนินคดีของตำรวจสามารถแยกได้ ยาเสพติดที่รู้ตัวผู้กระทำผิด 11 คน ไม่รู้ตัว 6 คน,คดียาเสพติดที่เป็นของต้องห้าม รู้ตัว 4 คน ไม่รู้ตัว 3 คน คดีมีสิ่งผิดกฎหมายในครอบครองรู้ตัว 220 คน ไม่รู้ตัว 72 คน และโทรศัพท์เคลื่อนที่อีก 300 เครื่อง โดยตำรวจย้ำว่า หลักฐานทุกชิ้นมีความสำคัญ และ สามารถโยงใยถึงเครือข่ายขบวนการได้


ข่าวที่เกี่ยวข้อง