ทหารเรือปลูกเมล่อน ช่วยสวัสดิการกำลังพล

12 พ.ค. 55
06:24
53
Logo Thai PBS
ทหารเรือปลูกเมล่อน ช่วยสวัสดิการกำลังพล

พร้อมเปิดเป็นแหล่งศึกษาดูงานของภูมิภาคตะวันออก

ทหารหน่วยงานนี้จะมีหน้าที่ทำนา ทำไร่ ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ทำประมง ฯลฯ เพื่อเป็นเสบียงให้กองทัพ ทั้งยามบ้านเมืองปกติหรือฉุกเฉิน สำหรับกองทัพเรือแล้ว หน่วยงานพิเศษนี้เรียกว่า ศูนย์เกษตรกรรมทหารเรือ ซึ่งขึ้นตรงกับ กองอาชีวสงเคราะห์ กรมสวัสดิการทหารเรือ นอกจากจะจัดสวัสดิการต่างๆ  เช่น ให้ทหารเรือมีบ้านพักอาศัย การจำหน่ายสินค้าราคาถูก การสมรส การฌาปนกิจ ฯลฯ แล้ว ยังผลิตสินค้าเกษตรที่จำเป็นแก่การครองชีพจากศูนย์เกษตรกรรมทหารเรือต่าง ๆ เพื่อจำหน่ายในราคาสวัสดิการให้กับทหาร ข้าราชการและลูกจ้างในกองทัพเรือและครอบครัว

ที่สำคัญคือเป็นหน่วยงานที่คอยให้คำแนะนำและส่งเสริมอาชีพด้านเกษตรให้กับทหารกองประจำการโดยตรง เพื่อให้สามารถนำไปประกอบอาชีพ เลี้ยงตนเองและครอบครัวได้หลังจากที่ปลดประจำการ

โดยกองทัพเรือจะมีศูนย์เกษตรกรรม 3 แห่งกระจายใน 3 ภูมิภาคคือ 1.ศูนย์เกษตรกรรมทหารเรือ บางพระ ตั้งอยู่ที่ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี หน้าที่จัดทำแปลงสาธิตเพื่อฝึกอบรมอาชีพทางการเกษตร สาขาด้านปศุสัตว์ การปลูกพืชไร่ 2.ศูนย์เกษตรกรรมทหารเรือ ป้อมพระจุลจอมเกล้าฯ จังหวัดสมุทรปราการ มีหน้าที่ฝึกอบรมอาชีพด้านการเลี้ยงกุ้ง สัตว์น้ำ หรือทำประมงน้ำกร่อย  3.ศูนย์เกษตรกรรมทหารเรือ โยทะกา ตั้งอยู่ที่ตำบลโยธะกา อำเภอ  บางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทราซึ่งมีพื้นที่ 4,000 ไร่ และตำบลบางสมบูรณ์ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก จำนวน 1,356  รวมเป็น 5,356 ไร่ มีหน้าที่จัดทำแปลงสาธิต ฝึกอบรมวิชาชีพทางการเกษตร สาขาการทำนา การปลูกพืชสวน และการประมง อาทิ โครงการปลูกข้าวนาปีและนาปรัง  โครงการพืชสวน ปลูกผักปลอดสารพิษ ต้นยูคาลิปตัส มะกอกน้ำ ฯลฯ โครงการประมงเพื่อเพาะขยายพันธุ์ปลาน้ำจืด การเลี้ยงไก่ไข่ มีโรงสีข้าวสวัสดิการทหารเรือ เพื่อผลิตเสบียงประเภทข้าวสารให้แก่หน่วยต่าง ๆ ในกองทัพเรือ โดยดำเนินงานตามโครงการพระราชดำริ และโครงการต่าง ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล  

 นาวาโท วิโรจน์  จันทร์ทองสุข หัวหน้าศูนย์เกษตรกรรมทหารเรือโยทะกา กองอาชีวสงเคราะห์ กรมสวัสดิการทหารเรือ กล่าวว่า “สืบเนื่องมาจากการที่กองทัพเรือได้มีความร่วมมือกับเครือเจริญโภคภัณฑ์อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ.2541 เป็นต้นมา จนกระทั่ง พ.ศ.2550 ทางคณะกองทัพเรือได้มีโอกาสเดินทางไปเยี่ยมชมและศึกษาดูงาน “เจียไต๋แฟร์” ที่จัดขึ้นเพื่อแบ่งปันความรู้ด้านเกษตรแก่สังคมและส่งเสริมพัฒนากลุ่มเกษตรกร ณ ชนม์เจริญฟาร์ม จังหวัดกาญจนบุรี เห็นว่าเมล่อนเป็นพืชที่มีรสชาติอร่อยแต่ตลาดยังเล็กและมีผู้ผลิตน้อย เหมาะสมกับการนำมาต่อยอด เพื่อเป็นแหล่งผลิตภายในศูนย์เกษตรกรรมของทหารเรือโยทะกา ซึ่งมีการทำการเกษตรบนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียงเป็นทุนเดิม ดังนั้น ผู้บริหารระดับสูงทั้งสองฝ่ายจึงได้มีการตกลงพูดคุยกันถึงโครงการเมล่อน เพื่อเข้าไปสนับสนุนกิจการเกษตรของกองทัพเรือ จนนำมาสู่โครงการที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในวันนี้

 

“โครงการปลูกเมล่อนในศูนย์เกษตรกรรมทหารเรือโยทะกา” มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแนะนำ  ส่งเสริม  พัฒนาวิชาชีพทางการเกษตร ตลอดจนผลิตสินค้าเกษตรให้แก่กำลังพลกองทัพเรือและหน่วยต่างๆ รวมทั้งเป็นสวัสดิการภายในให้กับกำลังพลของกองทัพเรือและครอบครัว เพื่อได้บริโภคสินค้าเกษตรกรรมที่มีคุณภาพมาตรฐานและในราคาสวัสดิการที่ถูกกว่าท้องตลาด อีกทั้งเป็นการสนับสนุนโครงการพระราชดำริ  และนโยบายของรัฐบาลในการช่วยเหลือราษฎร ด้านการประกอบวิชาชีพทางการเกษตร “นอกจากนี้ ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ทหารเกณฑ์ได้เข้ามาฝึกอาชีพ เพื่อให้เรียนรู้และสัมผัสการดำเนินงาน พร้อมฝึกปฏิบัติงานจริงเพื่อให้เกิดทักษะความชำนาญ แม้จะเป็นระยะเวลาช่วงสั้น ๆ แต่คาดว่าจะสามารถจุดประกายความคิดให้เกิดขึ้น พร้อมจะได้เป็นพี่เลี้ยงช่วยแนะนำรุ่นน้องต่อไป โดยเฉพาะทหารเรือที่กำลังจะปลดประจำการ จะได้นำความรู้ด้านการเกษตรที่ได้รับ ไปปรับใช้ในพื้นที่ทำกินของตัวเอง เพื่อไม่ต้องละทิ้งถิ่นฐาน มีชีวิตที่มีคุณภาพและความสุขมากขึ้น ภายใต้นโยบายปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทาง ทร.ยึดถือมาตลอด ที่สำคัญ คือศูนย์แห่งนี้ฯ จะเป็นโมเดลให้เกษตรกร นักศึกษา และประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสเข้ามาเรียนรู้และศึกษาดูงานต้นแบบ เพื่อเพิ่มพูนความรู้และนำกลับไปทดลองทำด้วยตัวเองอีกด้วย” นาวาโท วิโรจน์  อธิบาย

 ส่วนสายพันธุ์เมล่อนที่คัดเลือกนำมาปลูกในพื้นที่นี้ คือ ปริ้นซ์เซส 434 เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ที่มีความแข็งแรงเรื่องการเจริญเติบโต และให้ผลใหญ่ อีกทั้งเหมาะสมกับสภาพอากาศร้อน และพื้นที่ที่เป็นดินเปรี้ยวของอำเภอบางน้ำเปรี้ยว แต่อย่างไรก็ดี ปัญหานี้ได้รับการแก้ไขโดยทีมผู้เชี่ยวชาญของเจียไต๋ได้แนะนำให้ทำการปรับสภาพดินและน้ำก่อนเริ่มปลูก ซึ่งได้ใช้เวลาพอสมควร โดยครั้งแรกทาง ทร.ได้ทดลองปลูกในกระถาง จำนวน 2 โรงเรือน ขนาด 6.4x20 เมตร ที่มีลักษณะปิดมีมุ้งเพื่อป้องกันแมลง  และประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ เพราะผลผลิตที่ได้เฉลี่ยแล้วสูงถึง80% เป็น เมล่อนเกรด A และ B ตามลำดับ น้ำหนักต่อผลโดยเฉลี่ยประมาณ 2 กิโลกรัมตามมาตรฐาน ปัจจุบันจึงขยายออกเป็น 6 โรงเรือน มีจำนวน 304 ต้น และปลูกมาแล้ว 22 รุ่น

“สำหรับพื้นที่ปลูกเมล่อนปัจจุบันมีประมาณ 8 ไร่ ซึ่งในอนาคตทางศูนย์ฯ วางเป้าหมายว่าจะใช้พื้นที่ประมาณ 25 ไร่เพื่อปลูกพืชชนิดนี้แต่เป็นสายพันธ์อื่นต่อไป โดยการดำเนินงานจะเน้นระบบพึ่งพาตัวเอง คืออาจมีการจำหน่ายผลผลิตในราคาที่สูงขึ้น เพื่อนำกำไรไปลงทุนจัดสร้างโรงเรือนสำหรับเพาะปลูกมากขึ้น และเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีของประชาชน สอดคล้องกับนโยบายของรัฐเรื่องการให้ข้าราชการได้น้อมนำเอาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อความสุขที่ยั่งยืนในอนาคต สิ่งสำคัญคือได้เป็นแนวทางให้กับผู้ที่สนใจที่มาศึกษาดูงาน ได้นำความรู้ไปปรับใช้ต่อไป” นาวาโท วิโรจน์  กล่าว

โดยขั้นตอนการปลูกตั้งแต่เริ่มเพาะเมล็ดในกระถางจนถึงการเก็บเกี่ยวเมล่อน จะใช้เวลาประมาณ 85-90 วัน มีระบบให้น้ำผ่านทางท่อประมาณ 9 ครั้งต่อวัน เมล่อนเป็นพืชที่ต้องอาศัยการเอาใจใส่ดูแลอย่างถูกวิธี ทั้งนี้ ทร.ได้รับความอนุเคราะห์อย่างดีจากบริษัท เจียไต๋ จำกัด ในการส่งทีมผู้เชี่ยวชาญมาเป็นพี่เลี้ยงคอยให้ความรู้ คำแนะนำปรึกษาตลอดเวลา

“การเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ให้ประชาชนในครั้งนี้ ทางกองทัพเรือหวังว่าจะเป็นการให้ความรู้ที่ยั่งยืนแก่ประชาชน เพราะสามารถนำไปทำมาหากินได้ เมล่อนอาจเป็นพืชที่ดูเหมือนปลูกยากในครั้งแรก แต่ต่อไปเมื่อรู้หลักการต่างๆ  แล้วจะง่ายขึ้น ไม่ยากที่จะลงมือทำ สิ่งสำคัญคือทุกคนต้องเรียนรู้เพื่ออยู่กับธรรมชาติให้ได้ เพราะทุกอย่างจำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์เรียนรู้ทั้งสิ้น โครงการนี้เหมือนแสงเทียนที่ปลายถ้ำ ที่เป็นทั้งความหวังและความสำเร็จที่รอคอยอยู่และเราสามารถมองเห็น ไม่จำเป็นต้องรอคอยอะไรที่เสียเวลา เพียงแค่ตั้งใจเดินไปหาแสงสว่างนั้นด้วยความพยายามและมุ่งมั่นก็จะทำให้พบความสำเร็จได้” หัวหน้าศูนย์เกษตรกรรมทหารเรือโยทะกา กล่าว


ข่าวที่เกี่ยวข้อง