มีชาวพม่านับพันคนมารอต้อนรับอองซานซูจีตั้งแต่เช้า รวมทั้งกองทัพสื่อมวลชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ก็ให้ความสนใจกับการปฎิบัติภารกิจแรกในการเดินทางมาต่างประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 24 ปี ของนางอองซาน ซูจี
เสียงโห่ร้องตะโกนด้วยความยินดีว่า "อาเมซู" ซึ่งแปลว่า "คุณแม่ซูจี" ดังกึกก้องตลอดเวลา เมื่อรถยนต์ของนางอองซานซูจี มาถึงอาคารห้องสมุดเครือข่ายเพื่อสิทธิแรงงานข้ามชาติ แต่เมื่อนางอองซานซูจี ขึ้นไปกล่าวปราศรัยกับชาวพม่าที่ระเบียงชั้น 3 เสียงโห่ร้องก็เงียบลงทันที
เธอบอกว่า ไม่เคยลืมประชาชนทุกคนที่เดินทางมาทำงานต่างประเทศ และสัญญาว่าจะพัฒนาเศรษฐกิจพม่าให้เติบโตขึ้น เพื่อให้แรงงานพม่าสามารถเดินทางกลับไปทำงานที่บ้านเกิดได้ หลังจากนั้นนางอองซานซูจีได้รับฟังปัญหาของแรงงานพม่าที่มีทั้งปัญหาการขาดความรู้เรื่องสิทธิ และการละเมิดกฎหมายคุ้มครองแรงงานในประเทศไทย นางอองซานซูจีรับปากว่า จะนำข้อมูลที่ได้รับไปนำเสนอให้รัฐบาลไทย และพม่าร่วมกันแก้ปัญหา
นางอองซานซูจีบอกว่า จำเป็นต้องให้ความรู้กับแรงงานพม่าในเรื่องสิทธิที่พวกเขามี รวมถึงวิธีการเข้าถึงวิถีทางทางกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิ์ของพวกเขา แต่วิธีที่เธอจะเจรจากับรัฐบาลไทยในเรื่องนี้จะเป็นไปอย่างสมานฉันท์ รวมทั้งจะเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเข้ามาช่วยดูแลปัญหานี้ด้วย
ส่วนแรงงานพม่าที่ได้มีโอกาสเป็นตัวแทนเพื่อถ่ายทอดปัญหาของพวกเขากับนางอองซานซูจีโดยตรงบอกว่ารู้สึกดีใจที่ "อาเมซู" หรือ "คุณแม่ซูจี" เป็นห่วงและให้ความสนใจมาเยี่ยมทันทีเมื่อมาถึง รวมทั้งฝากความหวังว่านางอองซานซูจี จะสามารถช่วยแก้ปัญหาให้กับพวกเขาได้
หลังการประชุมเวทีเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum เสร็จสิ้นลง ในวันที่ 2 มิถุนายนนางอองซานซูจี ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสตรีคนแรกของเอเชียที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ จะเดินทางไปที่จังหวัดตากเพื่อเยี่ยมผู้ลี้ภัยจากการสู้รบ และหารือกับกลุ่มผู้นำกลุ่มชาติพันธุ์ที่ร้องขอให้เธอมาเยี่ยมก่อนที่จะเดินทางกลับพม่าในวันที่ 3 มิถุนายน