สถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้เริ่มคลี่คลาย ขณะที่สุโขทัย-พิษณุโลก เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน
ล่าสุด (12 มิ.ย.) พื้นที่อำเภอเมือง และอำเภอกงไกลลาศ จังหวัดสุโขทัย ถูกน้ำล้นเข้าท่วมชุมชนและพื้นที่เกษตรเป็นบริเวณกว้าง หลังจากตลิ่งแม่น้ำยมถูกน้ำกัดเซาะพัง โดยนายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เพื่อสำรวจสถานการณ์พร้อมสั่งให้ชลประทานจังหวัด เร่งเปิดประตูระบายน้ำคลองหกบาท ตำบลคลองกระจง อำเภอสวรรคโลก ให้สูงจากเดิม 60 เซนติเมตร เป็น 100 เซนติเมตร เพื่อเร่งระบายน้ำ และให้เปิดประตูระบายน้ำบ้านหาดสะพานจันทร์ทั้งหมดเพื่อผันน้ำในแม่น้ำยม ซึ่งใน 2 จุดนี้จะชะลอน้ำที่จะเข้ามาในเขตตัวเมืองพื้นที่เศรษฐกิจได้
ด้านนายบรรดิษฐ์ อินต๊ะ ผู้อำนวยการโครงการชลประทาน จังหวัดพิษณุโลก ได้ลงพื้นที่บริเวณทำนบขอมดินแดง ในเขตร่อยต่อจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดสุโขทัย เพื่อประเมินสถานการณ์น้ำเหนือจากแม่น้ำยม พบว่าน้ำน่าจะเข้าท่วมอำเภอบางระกำในช่วงดึกคืนนี้ ส่วนที่จังหวัดพิจิตร น้ำในแม่น้ำยมที่ไหลมาจากภาคเหนือตอนบน ประกอบกับน้ำจากจังหวัดกำแพงเพชร ได้ไหลมาตามคลองสาขา ทำให้ล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนหมู่ที่ 9 บ้านปากคลอง ตำบลรังนก อำเภอสามง่ามแล้ว ในขณะที่ในจังหวัดแพร่เจ้าหน้าที่เร่งสร้างสะพานชั่วคราว ที่บ้านนาแก หมู่ที่ 3 ตำบลห้วยอ้อ อำเภอลอง เพื่อให้ชาวบ้านใช้สัญจรชั่วคราว หลังจากน้ำป่าซัดสะพานขาดเมื่อสัปดาห์ก่อน
ส่วนสถานการณ์ภาคใต้ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี น้ำจากแม่น้ำตาปีได้ล้นเข้าท่วมถนนหมู่บ้านมอเก็ต-ควนรี อำเภอนาสาร การสัญจรทำได้ลำบาก ปริมาณน้ำกำลังไหลระบายลงทะเล ยังส่งผลกระทบต่อชุมชนริมแม่น้ำ เขตรอยต่ออำเภอพระแสง อำเภอเคียนชา อำเภถอบ้านนาสาร อำเภอบ้านนาเดิมและอำเภอพูนพิน โดยสรุปความเสียหายในจังหวัดสุราษฎร์ธานีครั้งนี้ มีพื้นที่ประสบภัย 11 อำเภอ ชาวบ้านเดือนร้อนกว่า 40,000 คน ภาพรวมความเสียหายประมาณ 40 ล้านบาท ในขณะที่ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดพังงา แม้สถานการณ์น้ำท่วมจะเริ่มคลี่คลาย แต่ชาวบ้านยัวเรียกร้องให้ภาครัฐแก้ปัญหาตลิ่งคลองพังงา ที่ถูกน้ำกัดเซาะใกล้ถึงตัวเพื่อหาทางป้องกัน เช่นเดียวกับชาวบ้านห้วยโต้ ตำบลทับปริก อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ที่ยังเดือดร้อนเนื่องจากถนนสายบ้านห้วยโต้กับบ้านช่องไม้ดำ ถูกน้ำป่าซัดจนถนนขาดทำให้ไม่สามารถสัญจรไปมาได้