กสท.นัดประชุมด่วน สั่งตรวจการนำเข้ากล่องจีเอ็มเอ็ม
จากปัญหาการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2012 ผ่านทรูวิชั่นส์ที่ยังยืดเยื้อ ทำให้ นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ออกมาแจ้งว่าวันนี้ (19 มิ.ย.) บอร์ดคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) จะเรียกประชุมวาระพิเศษเป็นการด่วน เพื่อพิจารณานำเข้ากล่องรับสัญญาณ (Set Top Box) ใหม่ทั้งหมด หลังจากที่ผ่านมา จีเอ็มเอ็มแซท ซึ่งเป็นผู้ได้รับลิขสิทธิถ่ายทอดฟุตบอลในประเทศไทย นำเข้ากล่องดังกล่าวเกินกว่าที่ขออนุญาติจาก กสทช. โดยนางสาวสุภิญญา กล่าวว่าจีเอ็มเอ็ม แซท ได้ขออนุญาตนำเข้าและขายกล่องรับสัญญาณจำนวน 600,000 กล่อง แต่ได้ชำระค่าธรรมเนียมทั้งหมดเพียง 200 บาทเท่านั้น โดยบอร์ดกสทช. ไม่ได้รับทราบเรื่องนี้มาก่อน ทำให้คิดว่าอาจเกิดข้อผิดพลาดบางอย่างขึ้น
ทางด้าน พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธานกิจการกระจายเสียง กสทช. ได้ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการขออนุญาตนำเข้ากล่องรับสัญญาณเกือบ 60 บริษัท รวมประมาณ 2,000,000 กล่อง แต่กสทช. ยังไม่มีหลักเกณฑ์การคิดค่าธรรมเนียมที่ชัดเจน ส่งผลให้สินค้ายังคงค้างที่ท่าเรือและสนามบิน และสำหรับบทบาทของกสทช.ที่ถูกมองว่าเสมือนมองว่าเป็นเสือกระดาษนั้น พ.อ.นที กล่าวว่าที่ผ่านมากสทช. พยายามออกกติกาหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ในการประกอบกิจการและให้ใบอนุญาต เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และไม่เลือกปฏิบัติหรือตัดสินปัญหาเฉพาะราย ซึ่งหลักเกณฑ์ทั้งหมดสามารถนำมาใช้ได้ภายในเดือนกันยายน
ในขณะที่นายสมเกียรติ อ่อนวิมล นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน ระบุว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น กสทช.ไม่ควรสับสน และควรปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยี มิฉะนั้นจะอยู่ในภาวะไร้อำนาจต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งทั้งนี้รัฐธรรมนูญปี 2550 เขียนชัดเจนว่า ช่อง 3, 5, 7, 9 และ 11 เป็นฟรีทีวี เป็นทีวีที่รัฐมอบความถี่ให้ จึงถือเป็นทรัพยากรของชาติ และให้ทุกคนมีสิทธิได้ดูโดยไม่เสียเงิน ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบหรือช่องทางใดก็ตาม และสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นแกรมมี่ ควรถูกตำหนิเพราะเอาเปรียบผู้บริโภค ขณะที่ช่องฟรีทีวี ซึ่งได้รับสัมปทานจากรัฐ ก็ควรมีความผิดเช่นกัน เพราะสมยอมปล่อยให้แกรมมี่เดินเกมส์จนเกิดปัญหาจอดำ