สงครามและความขัดแย้งที่ปะทุขึ้นในหลายจุดของโลก ทำให้หลายประเทศหันมาเร่งพัฒนาและสั่งสมอาวุธกันมากขึ้น รวมถึง "อินเดีย" ที่เพิ่งประกาศความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธหลายหัวรบ ถือเป็นการส่งสัญญาณอันตรายต่อโลกให้เข้าสู่ยุคสงครามนิวเคลียร์
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จเป็นองค์ประธานพิธีฝ่ายสงฆ์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานพิธีฝ่ายฆราวาส ในพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุขึ้นประดิษฐานบนมณฑป ณ ท้องสนามหลวง
การเลือกตั้งอินเดียจะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 19 เม.ย. นี้ ถือเป็นการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เพราะผู้มีสิทธิเลือกตั้งสูงถึง 968 ล้านคนจากประชากรกว่า 1,400 ล้านคน การเลือกตั้งแบ่งออกเป็น 7 รอบตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย.ถึง 1 มิ.ย. และจะประกาศผลการเลือกตั้งในวันที่ 4 มิ.ย. การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการช่วงชิงที่นั่ง 543 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร มีวาระการดำรงตำแหน่งครั้งละ 5 ปี พรรคการเมือง หรือ แนวร่วมการเมืองจะต้องครอง 272 ที่นั่ง เพื่อปูทางไปสู่การครองเสียงข้างมากในโลกสภาได้สำเร็จ ต้องจับตาว่า นเรนทรา โมดี จะรักษาเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอินเดีย เป็นสมัยที่ 3 ได้สำเร็จหรือไม่
เข้าสู่เดือนเมษายนเป็นเดือนที่น่าจับตามองในแง่มุมการเลือกตั้งอีกเดือนหนึ่ง เพราะเดือนนี้อินเดียจะจัดการเลือกตั้ง ที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลก แต่ก่อนถึงการเลือกตั้งย่อมมีความวุ่นวายเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เริ่มมีการประท้วงให้เห็นประปราย ล่าสุดฝ่ายค้านประท้วงอีกระลอกเมื่อวานนี้ หลังจากฝ่ายค้านมองว่ารัฐบาลอินเดียเริ่มใช้อำนาจทางการเมืองกำจัดคู่แข่งโดยมิชอบ
สงครามและความขัดแย้งที่ปะทุขึ้นในหลายจุดของโลก โดยเฉพาะในยูเครน ทำให้หลายประเทศหันมาเร่งพัฒนาและสั่งสมอาวุธกันมากขึ้น ซึ่งรวมถึงอินเดียที่ล่าสุดเพิ่งประกาศความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธหลายหัวรบ นักวิเคราะห์บางคน มองว่า ความสำเร็จนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณอันตรายว่า โลกอาจจะกำลังเสี่ยงต่อการเผชิญหน้าของมหาอำนาจนิวเคลียร์เพิ่มมากขึ้น
"นเรนทรา โมดี" นายกรัฐมนตรีของอินเดีย นั่งเรือไปกลางทะเลนอกชายฝั่ง ในรัฐคุชราต เพื่อไปยังจุดที่เชื่อว่ามีวัดฮินดูโบราณจมอยู่ใต้น้ำ ก่อนนำขนนกยูงไปถวาย และดำน้ำลงไปสวดภาวนา สะท้อนความเชื่อทางศาสนา ซึ่งชาวฮินดูถือว่าเป็นฤกษ์งามยามดี และอาจมองได้ว่าเป็นความพยายามก่อนที่การเลือกตั้งจะมาถึง
เกิดการประท้วงจากกลุ่มเกษตรกรในอินเดีย ที่ต้องการให้แก้ไขปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ ที่ยืดเยื้อมาอย่างยาวนาน อ้างว่ารัฐบาลไม่รักษาสัญญาที่เคยบอกว่าจะแก้ปัญหานี้ จึงเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวง ท่ามกลางการระดมกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อสกัดไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมไปถึงยังที่หวังได้
หลังจากช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจของประเทศจีนฟื้นตัวได้ค่อนข้างช้า ขณะที่ปรากฏข้อมูลว่าภายในปี 2570 “อินเดีย” จะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก เหตุใดอินเดียถึงสามารถขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ แล้วอินเดียจะเป็นความหวังในการเข้ามาอุ้มเศรษฐกิจไทยแทนจีนได้หรือไม่ ? ร่วมพูดคุยกับ ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน และริชาร์ต วัชราทิตย์ เกษศรี