บ้านภูมิซรอล หมู่บ้านที่อยู่ติดแนวชายแดนกัมพูชาทางด้านทิศใต้ จากอดีตที่เคยเป็นพื้นที่ใกล้เคียงสมรภูมิรบไทย - กัมพูชา ปัจจุบันได้พัฒนาเป็นชุมชนการท่องเที่ยว โดยมีการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวภายในอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ซึ่งภายในอุทยานมีศิลปะและโบราณวัตถุที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง อาทิ ภาพแกะสลักนูนต่ำ ศิลปะแบบขอมโบราณบนผาหินทราย สถูปคู่โบราณวัตถุ ที่สร้างจากหินทรายตัดแต่งขนาดใหญ่ ปราสาทโดนตวล โบราณสถานที่สร้างด้วยอิฐและศิลาแลง และไฮไลต์อยู่ที่ผามออีแดง จุดชมทิวทัศน์และบรรยากาศลมหมอกยามเช้า ซึ่งเป็นจุดที่สามารถมองเห็นเขาพระวิหารในเขตแดนของประเทศกัมพูชาได้กลุ่มอาชีพและการเกษตร นอกจากศิลปะการแสดงแบบชาวอีสานใต้อย่างการฟ้อนอัปสรา ที่ได้รับอิทธิพลมาจากสมัยขอมโบราณแล้ว หมู่บ้านภูมิซรอลยังมีการพัฒนากลุ่มอาชีพและจัดทำเป็นจุดเรียนรู้สำหรับนักท่องเที่ยวให้ได้เข้ามาศึกษาดูงานและเยี่ยมชม โดยมีกลุ่มส่งเสริมอาชีพที่สำคัญอย่างกลุ่มทอผ้าขาวม้าพื้นเมือง มีการทอผ้าขาวม้ายกดอกลายลูกแก้ว และนำมาตัดเย็บเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ และการทำการเกษตร, เลี้ยงสัตว์ อาทิ การปลูกลำไย, การเพาะเห็ดในโรงเรือน, การเลี้ยงจิ้งหรีดและกบ ถึงถิ่นอาหารอีสานใต้ อาหารถิ่นที่ชุมชนนำเสนอ ล้วนเป็นวัตถุดิบที่ได้มาจากในชุมชน เช่น ฮวก หรือ ลูกอ๊อด ที่ชาวบ้านเพาะเลี้ยงไว้ในบ่อ นำมาทำเมนู "หมกฮวก" อาหารขึ้นชื่อของชาวอีสาน น้ำพริกเห็ดนางฟ้า เห็ดสด ๆ ที่ได้จากการเพาะเลี้ยงในโรงเรือน นอกจากนี้ยังมีอาหารพื้นถิ่นต่าง ๆ อย่าง แกงเห็ดระโงก, กบทอด และจิ้งหรีดคั่ว ติดตามชมรายการทั่วถิ่นแดนไทย ตอน รอยยิ้มจากบ้านภูมิซรอล จ.ศรีสะเกษ วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2562 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/Live">www.thaipbs.or.th/Live</a>

เป็นรายการวาไรตี้ท่องเที่ยว เน้นวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของชุมชน มีครบเครื่องทั้งเรื่องการบริหารจัดการชุมชน อาหารการกิน ท่องเที่ยว ผลิตภัณฑ์สินค้าพื้นบ้าน ที่น่าสนใจทั่วประเทศ นำเสนอโดย พิธีกรชาย หญิง บุคลิกคล่องตัว สนุกสนาน จะพาทุกคนไปลุย ให้ถึงแก่นของเมืองไทย ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 16.30 - 17.00 น.

ทั่วถิ่นแดนไทย

รอยยิ้มจากบ้านภูมิซรอล จ.ศรีสะเกษ

ThaiPBS VOD

บ้านหน้าทับ ชุมชนบ้านหน้าทับ ตำบลท่าศาลา อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม มีรายได้หลักจากอาชีพประมงและการเกษตร โดยนอกจากนี้กลุ่มชาวบ้านยังได้ร่วมใจกันจัดทำกิจกรรมท่องเที่ยวชุมชนเชิงอนุรักษ์ ในนามกลุ่มอนุรักษ์ป่าชายเลนบ้านแหลมโฮมสเตย์ ซึ่งเกิดจากความร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งของชาวบ้านหน้าทับ หมู่ที่ 7 และบ้านแหลมหมู่ที่ 14 โดยเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวให้ได้เข้ามาสัมผัสวิถีชีวิตของชาวประมงชายฝั่ง ดูกลุ่มอาชีพที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชน ได้ลิ้มลองเมนูอาหารที่ปรุงจากวัตถุดิบอันสดใหม่ และได้ร่วมทำกิจกรรมอนุรักษ์ป่าชายเลนอีกด้วยกิจกรรมวิถีอนุรักษ์ "จิบกาแฟแลหวัน" เริ่มต้นเช้าของวันใหม่ด้วยกาแฟแก้วแรก ท่ามกลางแสงอาทิตย์สีทองที่ขึ้นอยู่ริมขอบฟ้าของอ่าวทองคำ รับประทาน "ข้าวมันแกง" เป็นอาหารเช้าบนเรือ พร้อมดูวิถีชีวิตชาวประมงขนาดเล็กที่ออกทะเลกันตั้งแต่ย่ำรุ่ง สนุกไปกับกิจกรรม "สปาโคลน" แหล่งโคลนธรรมชาติ ที่นักท่องเที่ยวสามารถนำโคลนมาทำสปาได้ทั้งหน้าและตัว โคลนจากบริเวณนี้จะถูกนำไปสร้างสรรค์อาหารและผลิตภัณฑ์ชุมชน อาทิ ไข่เค็มพอกโคลน, สบู่โคลน ในส่วนผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของชุมชน คือ "ผลิตภัณฑ์จากหางอวน" ทำจากยอดใบลานที่มีอยู่ในท้องถิ่น นำมาทำเป็นเส้นและตากแห้ง ก่อนจะทอเป็นผืนผ้าและตัดเย็บเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น หมวก, ย่าม, กระเป๋า และของที่ระลึก อาหารใต้รสชาติหรอยแรง กลุ่มเครื่องแกงใต้มุสลิมมะฮ์ เป็นการรวมตัวของแม่บ้านนักโขลกเครื่องแกง ซึ่งพริกแกงของที่นี่รสชาติจัดจ้านและมีให้เลือกนานาชนิด เช่น พริกแกงกะทิ, พริกแกงมัสมั่น และพริกแกงข้าวหมก แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือ พริกแกงส้ม ที่นำไปทำเป็นเมนูแกงส้มคู่กับปลาทะเลที่ได้มาสด ๆ นอกจากนี้อาหารที่ห้ามพลาดคือ "ข้าวมันทะเลโคลน" ที่นำเหล่าสมุนไพรไปผัดกับน้ำมันจนหอม ก่อนจะนำข้าวสารลงไปคลุกเคล้า และตามด้วยน้ำดำจากหมึก ปิดฝาทิ้งไว้จนสุก วิธีการง่าย ๆ แต่ความอร่อยไม่ธรรมดา นอกจากนี้ยังมีหมี่ผัดทะเลโคลน, ใบโกงกางที่นำมาชุบแป้งทอด และยังทำเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรได้อีกด้วยติดตามชมรายการทั่วถิ่นแดนไทย ตอน เที่ยวเล แลหวัน อ่าวทองคำ บ้านหน้าทับ จ.นครศรีธรรมราช วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2562 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/Live">www.thaipbs.or.th/Live</a>

เที่ยวเล แลหวัน อ่าวทองคำ บ้านหน้าทับ จ.นครศรีธรรมราช

บ้านปะขาว ชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีการอนุรักษ์วิถีชีวิต วัฒนธรรม และประเพณีในสมัยโบราณเอาไว้ ชาวบ้านที่นี่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีฐานการเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีเกษตรอินทรีย์ มีพืชสำคัญของชุมชน อย่าง กล้วยหอมทองปลอดสารพิษ ที่ชาวบ้านปลูกเพื่อส่งออก โดยใช้ฮอร์โมนที่ผลิตจากนมวัว ไข่ไก่ น้ำตาล และจุลินทรีย์หน่อกล้วย แทนการใช้สารเคมี "บ้านปะขาว" ปัจจุบันเป็นชุมชนส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เปิดชุมชนให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสวิถีชีวิตของคนไทยภาคกลาง ที่โดดเด่นในเรื่องของวัฒนธรรม มีศูนย์เรียนรู้อาหารและขนมไทยโบราณ และกลุ่มงานอาชีพช่างไม้สัก มีแพพักริมน้ำ รองรับผู้มาเยือนให้ได้พักผ่อน และชมบรรยากาศริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เรียนรู้วัฒนธรรม บ้านปะขาว มีกลุ่มอาชีพงานฝีมือของช่างไม้ท้องถิ่นที่ผลิตชิ้นงานจากไม้สัก เช่น ศาลพระภูมิทรงไทย, เรือโบราณย่อส่วน และเกวียนไม้จำลอง เป็นต้น มีการสาธิตทำขนมไทยโบราณ ที่หารับประทานได้ยากอย่าง "ขนมหันแก" ขนมมงคลที่มีมายาวนานกว่า 100 ปี มีลักษณะเป็นลูกกลม ๆ นำไปชุบไข่ ก่อนจะทอดให้มีสีเหลืองทอง รสชาติหอมหวาน กรอบนอกนุ่มใน และยังมีการอนุรักษ์ศิลปะการละเล่น อย่าง รำวงกลองยาว นอกจากนี้ยังสามารถเดินเที่ยวชมหมู่บ้านที่ยังหลงเหลือหลักฐานการใช้ชีวิตในอดีตไว้ให้เห็น อย่างเช่น เรือพายม้า ที่บ้านหลายหลังในชุมชนช่วยกันอนุรักษ์ไว้คู่ถิ่นฐานชวนชิมอาหารไทยโบราณ การปรุงอาหารพื้นบ้านและขนมหวานของชาวบ้านปะขาว เน้นเมนูอาหารตำรับโบราณ อาทิ แกงเลียงโบราณ มีรสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นปลาช่อนย่าง ที่โขลกลงไปเป็นส่วนประกอบในแกง และยังมี ผัดหมี่โบราณ, ต้มปลาร้าหน่อไม้ ก่อนปิดท้ายด้วยของหวานชื่นใจอย่าง วุ้นมะพร้าวน้ำหอม และน้ำอ้อยคั้นสดจากไร่ในชุมชนติดตามชมรายการทั่วถิ่นแดนไทย ตอน วิถีริมแม่น้ำเจ้าพระยา บ้านปะขาว จ.อ่างทอง วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live

วิถีริมแม่น้ำเจ้าพระยา บ้านปะขาว จ.อ่างทอง

ผลิตภัณฑ์จากผักตบชวา บ้านสันป่าม่วง ตำบลสันป่าม่วง อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา เป็นชุมชนที่ตั้งรกรากริมกว๊านพะเยา นอกจากจะมีวิถีชีวิตด้านการประมงพื้นบ้านแล้ว ยังมีชื่อเสียงเรื่องผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากผักตบชวา ชาวบ้านที่นี่รู้จักการนำผักตบชวา วัชพืชที่มีมากมายในกว๊านพะเยา มาสร้างมูลค่าเพิ่ม ด้วยการสร้างงานหัตถกรรมประดิษฐ์ ผลิตภัณฑ์จากผักตบชวาในรูปแบบที่หลากหลาย ซึ่งนอกจากนักท่องเที่ยวจะสามารถแวะชมและเลือกซื้อสินค้าแล้ว ยังสามารถชมขั้นตอนการผลิตผลิตภัณฑ์จากผักตบชวาบ้านสันป่าม่วงได้อีกด้วยเชื่อมโยงภูมิปัญญาท้องถิ่น เชื่อมโยงการท่องเที่ยวชุมชนริมกว๊านพะเยา ด้วยการเยี่ยมชมกรรมวิธีการผลิตสินค้าจากภูมิปัญญาท้องถิ่นของกลุ่มอาชีพใกล้เคียงรอบ ๆ ที่แต่ละกลุ่มล้วนใช้ภูมิปัญญาที่สั่งสมกันมาตั้งแต่คนรุ่นก่อน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพดี สร้างชื่อเสียงให้กับท้องถิ่น เริ่มต้นจากที่บ้านงิ้วใต้ ชุมชนที่เด่นเรื่องการผลิตครกหิน บ้านสันเวียงใหม่ชุมชนที่ชำนาญในการทำปลาส้มที่ขึ้นชื่อ เพราะผลิตด้วยฝีมือของชาวบ้านในชุมชนเองและด้วยวัตถุดิบที่สดใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่นำมาจากท้องถิ่น อาหารพื้นเมืองล้านนา ด้วยความสดของปลาจากกว๊าน และผักที่ปลูกเองจากชุมชน อาหารที่นี่จึงอร่อยและบ่งบอกถึงวิถีชีวิตชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็น สาวน้อยสุ่นโข่ (ปลาทอดสมุนไพร) หรือ ยำปลาสันป่าม่วง และยังมีอาหารพื้นเมืองอย่าง น้ำพริกอ่องและส้าจิ้น พร้อมผักสดชนิดต่าง ๆ เป็นต้นติดตามชมรายการทั่วถิ่นแดนไทย ตอน ภูมิปัญญาชุมชนริมกว๊าน บ้านสันป่าม่วง จ.พะเยา วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2562 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/Live">www.thaipbs.or.th/Live</a>

ภูมิปัญญาชุมชนริมกว๊าน บ้านสันป่าม่วง จ.พะเยา

กว่าจะมาเป็นลูกนิมิตนั้นไม่ง่าย เพราะต้องใช้ทั้งเวลา ฝีมือ และความอดทน จะยากแค่ไหน ติดตามรายการทั่วถิ่นแดนไทย ทุกวันเสาร์ เวลา 16.30 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมย้อนหลังได้ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/tuathin">www.thaipbs.or.th/tuathin</a>

กว่าจะมาเป็นลูกนิมิต

เพราะผักตบชวาที่มีมากในริมกว๊านพะเยา ชาวบ้านที่นี่จึงนำมาทำให้เกิดประโยชน์ ด้วยการสานเป็นผลิตภัณฑ์จักสานต่าง ๆ สร้างรายได้ให้กับชุมชนได้มากมาย ติดตามรายการทั่วถิ่นแดนไทย ทุกวันเสาร์ เวลา 16.30 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมย้อนหลังได้ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/tuathin">www.thaipbs.or.th/tuathin</a>

จากของไม่มีค่าสู่ผลิตภัณฑ์สร้างรายได้

บ้านห้องแซง บ้านห้องแซง ตำบลห้องแซง อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร ชุมชนชาวผู้ไท หรือ ภูไทแห่งภาคอีสาน ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของวิถีชีวิต ซึ่งยังคงรักษาขนบประเพณีและอนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิมไว้ได้อย่างงดงาม ทั้งในเรื่องของอัตลักษณ์ทางด้านภาษา อาหารท้องถิ่น ศิลปะการแสดง การฟ้อนรำที่อ่อนช้อยตามแบบชาวภูไท การแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยผ้าฝ้าย ผ้าซิ่นมัดหมี่ ผ้าขาวม้าสำหรับพาดไหล่และผูกเอว รวมถึงผ้าย้อมสีธรรมชาติจากครามและพืชชนิดต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ ภูตากแดด ที่เกิดจากก้อนหินขนาดน้อยใหญ่ รูปร่างแปลกตา อายุหลายร้อยหลายพันปี ซึ่งกระจายตัวและซ้อนทับกันอยู่ทั่วบริเวณ จนเกิดเป็นสถาปัตยกรรมตามธรรมชาติที่แปลกตา และยังมีจุดชมวิวบริเวณลานหินที่สามารถชมวิวทิวทัศน์มุมสูงของเมืองได้ แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในชุมชน ผ้าทอพื้นเมือง ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาวภูไทบ้านห้องแซง ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ โดยชาวบ้านได้รวมตัวกันก่อตั้งกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองตำบลห้องแซงขึ้น เพื่ออนุรักษ์และส่งต่อภูมิปัญญาด้านการแต่งกายสู่คนรุ่นหลัง และยังเป็นการส่งเสริมรายได้ให้กับชาวบ้าน โดยมีลวดลายประจำท้องถิ่นคือ ลายหมากจับ ที่นำมาประยุกต์เป็นลายสนหยาดเพชร มีการออกแบบตัดเย็บเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อจำหน่ายที่ศูนย์ OTOP ของหมู่บ้าน นอกจากนี้ยังได้เห็นวิถีอาชีพของชาวบ้านในด้านการทอเสื่อกก และห้ามพลาดกับการเดินเที่ยวตลาดวิถีถิ่นภูไทห้องแซง ตลาดวัฒนธรรมของชาวบ้านที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินจับจ่ายเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ และเลือกชิมอาหารพื้นเมืองกันได้อย่างเพลิดเพลินอาหารวิถีถิ่นชาวภูไท เอกลักษณ์ด้านอาหารของชาวภูไทเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่ไม่ควรพลาด โดยอาหารที่ชุมชนนำเสนอคือ อ่อมหวายและหมกหน่อไม้ ที่ไม่เพียงแต่จะได้ชิมเท่านั้น ชาวบ้านที่นี่ยังพาไปหาวัตถุดิบอย่างหวายและหน่อไม้ที่สวนในชุมชน เรียกว่าทั้งอร่อยและมีความสุขแบบง่าย ๆ ตามสไตล์ชาวภูไทแท้ ๆ กันได้ที่บ้านห้องแซงแห่งนี้ติดตามชมรายการทั่วถิ่นแดนไทย ตอน อัตลักษณ์ถิ่นภูไท บ้านห้องแซง จ.ยโสธร วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม 2562 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/Live">www.thaipbs.or.th/Live</a>

อัตลักษณ์ถิ่นภูไท บ้านห้องแซง จ.ยโสธร

มาชมการแสดงศิลปะการฟ้อนรำสวย
ๆ ที่ชาวภูไทเตรียมไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวและนักเดินทาง
ที่แสดงถึงวิถีถิ่นของชาวภูไทได้เป็นอย่างดี ติดตามรายการทั่วถิ่นแดนไทย
ทุกวันเสาร์ เวลา 16.30 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมย้อนหลังได้ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/tuathin">www.thaipbs.or.th/tuathin</a>

เรียนรู้วิถีไทย : วิถีถิ่นภูไท

บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 9 สถานที่ห่างไกล ดูคล้ายลึกลับแต่เต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งธรรมชาติของบ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 9 ตำบลแม่หวาด อำเภอธารโต จังหวัดยะลา เชิญชวนให้เราเข้าไปเยี่ยมเยือน ด้วยความงดงามของทะเลหมอกยามเช้าที่ผาหินโยก และเส้นทางธรรมชาติที่มีสะพานแขวนเหนือลำธารเป็นจุดเริ่มต้น เดินเท้าผ่านพืชพรรณอย่าง "ต้นสมพงษ์ยักษ์" ต้นไม้โบราณที่ยืนต้นตระหง่านบ่งบอกความดึกดำบรรพ์ของผืนป่า ไปจนถึงน้ำตกฮาลาซะห์และหาดกระทิง บริเวณที่มีลำธารใสเย็นไหลผ่าน ซึ่งตรงจุดนี้จะมองเห็นทิวทัศน์ภูเขาแบบ 360 องศา ก่อนที่จะแวะให้อาหารกวางที่ฟาร์ม ซึ่งเปรียบเสมือนสวนสัตว์ขนาดย่อม ๆ ของชุมชน วิถีชีวิตชุมชน เสน่ห์ของชุมชนบ้านจุฬาภรณ์ 9 ที่ไม่ควรพลาด คือ การแวะเข้าสวนผลไม้ตามฤดูกาลของชาวบ้าน ที่มีให้ทั้งชมและชิม นอกจากผลไม้สดแล้วยังมีผลิตภัณฑ์ชุมชนอย่าง "กล้วยหินกรอบแก้ว" ของทานเล่นที่แสนอร่อย ก่อนจะไปดูการเลี้ยงปลาจีนด้วยบ่อน้ำไหลตามแบบภูมิปัญญาชาวบ้านอิ่มท้อง อิ่มใจ อาหารที่ขึ้นชื่อของบ้านจุฬาภรณ์ 9 เน้นในเรื่องความสดของปลาและผัก ไม่ว่าจะเป็น "ผักกูดผัดน้ำมันหอย", "น้ำพริกเคยกุ้ง", "ปลากระโดด" และที่พลาดไม่ได้คือ เมนู "ปลาจีนผัดขิง" ที่ได้มาจากบ่อน้ำไหลของชาวบ้าน ซึ่งการเลี้ยงแบบนี้จะช่วยเพิ่มความอร่อยและลดความคาวให้กับเนื้อปลาติดตามชมรายการทั่วถิ่นแดนไทย ตอน เสน่ห์แห่งม่านหมอกดินแดนใต้ บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 9 จ.ยะลา วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม 2562 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/Live">www.thaipbs.or.th/Live</a>

เสน่ห์แห่งม่านหมอกดินแดนใต้ บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 9 จ.ยะลา

พามาชมทะเลหมอกที่สวยงาม กับจุดชมวิวลานหินโยก ธรรมชาติที่รอให้เรามาเยี่ยมชม จะสวยงามแค่ไหน ติดตามรายการทั่วถิ่นแดนไทย ทุกวันเสาร์ เวลา 16.30 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมย้อนหลังได้ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/tuathin" target="_blank" rel="noopener noreferrer" data-auth="NotApplicable">www.thaipbs.or.th/tuathin</a>

เรียนรู้วิถีไทย : ชมทะเลหมอกบนยอดเขา

บ้านสะปัน บ้านสะปัน ตำบลดงพญา อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ชุมชนเล็ก ๆ ที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ ทั้งขุนเขาและลำธาร ความสมบูรณ์สุขของธรรมชาติทำให้การเกษตรของที่นี่งอกงาม โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนในฤดูทำนา เราจะได้เห็นท้องทุ่งข้าวเขียวขจีเต็มผืนนา และทัศนียภาพหมู่บ้านท่ามกลางม่านหมอกที่สวยงามท่องเที่ยวธรรมชาติ เส้นทางเดินชมธรรมชาติที่สวยงามนั้นเริ่มต้นได้ตั้งแต่จากหมู่บ้าน ระหว่างเส้นทางจะพบกับพืชที่ชาวบ้านร่วมกันดูแลอย่าง "ต้นหวาย" เดินเรื่อย ๆ ขึ้นไปจะพบกับน้ำตกสะปันที่สวยงามตามธรรมชาติ และจุดชมทิวทัศน์เหนือลำน้ำมางภายในเขตอุทยานแห่งชาติขุนน่าน นอกจากการท่องเที่ยวธรรมชาติแล้ว ภายในชุมชนยังมีการสานเครื่องใช้และเฟอร์นิเจอร์จากหวาย อีกทั้งยังได้เห็นวิถีการหาอยู่หากินแบบชาวบ้าน เช่น การจับปลาพื้นถิ่นในลำธารอาหารพื้นเมืองรสเด็ด อาหารพื้นเมืองแบบชาวล้านนาของบ้านสะปันที่ต้องลิ้มลอง คือ เมนู "ส้ามะเขือแจ้" โดยนำมะเขือแจ้ หรือ มะเขือขื่น มาซอยบาง ๆ และปรุงรส ทานคู่กับ "ปิ้งปลามัน" ปลาพื้นบ้านขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ในน้ำไหลเชี่ยว หาทานได้แค่ในช่วงฤดูฝนและน้ำหลาก ซึ่งชาวบ้านที่นี่จับมาสด ๆ จากลำธารในชุมชนติดตามชมรายการทั่วถิ่นแดนไทย ตอน อ้อมกอดแห่งขุนเขา บ้านสะปัน จ.น่าน วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม 2562 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/Live">www.thaipbs.or.th/Live</a>

อ้อมกอดแห่งขุนเขา บ้านสะปัน จ.น่าน

ชวนมาดูวิธีการทำกระสุน ที่ไม่ใช่กระสุนธรรมดา หรือไว้ยิงเล่นเฉย ๆ แต่เป็นกระสุนที่ใช้สำหรับการกระจายเมล็ดพันธุ์ เป็นการช่วยรักษาป่าอีกแรงหนึ่ง ติดตามรายการทั่วถิ่นแดนไทย ทุกวันเสาร์ เวลา 16.30 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมย้อนหลังได้ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/tuathin">www.thaipbs.or.th/tuathin</a>

บ้านถ้ำเสือ บ้านถ้ำเสือ ตำบลแก่งกระจาน อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในอ้อมกอดของขุนเขา ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาและมีแม่น้ำเพชรบุรีไหลผ่าน จึงทำให้ชาวบ้านที่นี่มีอาชีพการเพาะปลูกเป็นหัวใจหลัก ทั้งสวนผลไม้และพืชผักปลอดสารพิษ โดยเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านเกษตรอินทรีย์ให้กับชาวบ้าน ทั้งในชุมชนและต่างชุมชนได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้อยู่เสมอ อีกทั้งยังเป็นต้นแบบของหมู่บ้านที่ยังคงวิถีชีวิตแบบพึ่งพิงธรรมชาติ และร่วมใจกันรักษาดูแลอย่างเป็นลมหายใจเดียวกัน เรียนรู้วิถีชีวิตชุมชน ป่าไม้ชุมชนที่ยังคงสมบูรณ์นี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านในการดูแลรักษา มีการจัดทำกิจกรรมเชิงอนุรักษ์ อย่างเช่น ธนาคารต้นไม้, การยิงเมล็ดพันธุ์เพื่อปลูกป่า, เส้นทางเรียนรู้ธรรมชาติล่องเรือชมแม่น้ำเพชรบุรี และสวนผักปลอดสารของชาวบ้าน นอกจากนี้ยังมีฐานสาธิตทำของอร่อยประจำชุมชนอย่าง ทองม้วนสดและไข่เค็มพอกใบเตย และยังมีโฮมสเตย์ชุมชนเพื่อรองรับการมาเยือนของนักท่องเที่ยวอาหารพื้นถิ่น รสดีทีเด็ดของอาหารพื้นถิ่นบ้านถ้ำเสือนั้น มาจากวัตถุดิบตามธรรมชาติที่สด ใหม่ ปลอดภัยจากสารพิษ อย่างเช่น เมนู "ยำผักกูด" ที่ได้ลงมือเก็บผักกูดกันเองแบบสด ๆ "น้ำพริกกุ้งสด" พร้อมผักพื้นถิ่น "ปลานิลทอด" และ "ผัดใบเหลียง" ติดตามชมรายการทั่วถิ่นแดนไทย ตอน วิถีถิ่นลุ่มน้ำเพชร บ้านถ้ำเสือ จ.เพชรบุรี วันเสาร์ที่ 28 กันยายน 2562 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/Live">www.thaipbs.or.th/Live</a>

วิถีถิ่นลุ่มน้ำเพชร บ้านถ้ำเสือ จ.เพชรบุรี

​เรียนรู้วิถีไทย : กระสุนเพาะพันธุ์

บ้านกุดจิก บ้านกุดจิก ตำบลนาคำ อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ทั้งลำห้วยและผืนนา ชาวบ้านสืบเชื้อสายชาวภูไทมาตั้งแต่อดีต หมู่บ้านกุดจิกนี้ ยังคงอนุรักษ์วิถีประเพณีอันงดงามไว้ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงฟ้อนรำแบบฉบับสาวภูไท อีกทั้งบ้านเรือนโบราณที่ยังคงกลิ่นอายวิถีชนบท สะท้อนให้เห็นภาพการดำรงชีวิตของคนสมัยก่อนได้เป็นอย่างดี ตามรอยข้าวฮางและผ้าคราม ด้วยวิถีเกษตรที่เข้มแข็ง ชาวบ้านบ้านกุดจิก ได้ลุกขึ้นมาก่อตั้งกลุ่มข้าวฮางทิพย์ ที่ต่อยอดมาจากภูมิปัญญาดั้งเดิมของคนในชนบท ซึ่งทางกลุ่มได้มีการสาธิตขั้นตอนวิธีการผลิตข้าวฮาง ด้วยกรรมวิธีที่เรียกว่าการ "แช่ นึ่ง ผึ่ง สี" จนออกมาเป็นข้าวฮางที่มีคุณภาพ อุดมด้วยคุณประโยชน์ และยังได้แปรรูปเป็นข้าวฮางกรอบสมุนไพร ที่นำข้าวฮางไปทอดจนเหลืองกรอบและคลุกเคล้ากับธัญพืช เป็นของทานเล่นที่อร่อยและมีประโยชน์ นอกจากข้าวแล้ว ของขึ้นชื่อที่ขาดไม่ได้นั่นคือ ผ้าทอ นอกจากผ้าขาวม้าที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชนแล้ว ทางกลุ่มทอผ้าบ้านกุดจิกได้มีการปลูกต้นฝ้ายและต้นคราม เพื่อนำมาทำผ้าทอย้อมคราม และได้มีการพัฒนาทำผลิตภัณฑ์ลายแบบใหม่ โดยวิธีการพิมพ์เทียนเป็นลวดลายดอกจิกและลายวานร ที่เป็นสัญลักษณ์ของชุมชน หอมกลิ่นอาหารถิ่นบ้านกุดจิก อาหารพื้นบ้านที่สืบทอดกันมาของชาวบ้านกุดจิก คือ ตะโล้ะกะปู ที่ทำจากปูนาตามธรรมชาติ ปรุงรสจนกลมกล่อม ตำรางบ้านกุดจิก ส้มตำปลาร้าสูตรพิเศษที่ชาวบ้านแนะนำให้ลิ้มลอง และด้วยความอุดมของกล้วยที่ปลูกในหมู่บ้าน จึงนำมาสู่เมนูของว่างอันอร่อย นั้นคือ กล้วยปิ้งมะพร้าวอ่อน ที่ทำง่ายแต่อร่อยอย่างแน่นอนติดตามชมรายการทั่วถิ่นแดนไทย ตอน หอมดิน กลิ่นคราม บ้านกุดจิก จ.สกลนคร วันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2562 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/Live">www.thaipbs.or.th/Live</a>

หอมดิน กลิ่นคราม บ้านกุดจิก จ.สกลนคร

เปิดบ้านไทยพีบีเอสวันนี้ ติดตามความคิดเห็นจากคนไทยในต่างแดนที่บอกว่า "คิดถึงบ้าน" หลังจากได้รับชมรายการ "ทั่วถิ่นแดนไทย" แล้วไปรับฟังเสียงผู้ชมผู้ฟังจากภาคเหนือที่ให้ข้อเสนอแนะต่อการพัฒนาปรับปรุงข่าวของไทยพีบีเอส และชวนไปรู้เท่าทันการวิจัยทางการตลาดที่เรียกว่า "Neuromarketing" ที่ล้วงลึกความต้องการของผู้บริโภคเข้าไปในระดับจิตใต้สำนึกติดตามชมรายการเปิดบ้านไทยพีบีเอส วันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2562 เวลา 13.45 - 14.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/Live">www.thaipbs.or.th/Live</a>

รับฟังข้อเสนอแนะ ติชม จากผู้ชมทางบ้าน และชวนคุณผู้ชม "รู้เท่าทันสื่อ" ผ่านเบื้องหลังการทำงานของสื่อสาธารณะ ออกอากาศทุกวันพุธ - ศุกร์ เวลา 09.00 น. ในรายการวันใหม่วาไรตี้

เปิดบ้าน Thai PBS

ความคิดเห็นจากผู้ชม และรู้เท่าทัน Neuromarketing

ตามแชมป์มาเรียนรู้วิธีการหาหอยปากเป็ด ที่ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพียงแค่เราต้องรู้จักวิธีดูมัน และนอกจากนี้ยังมีหอยชนิดอื่นอยู่อีกมากมาย ติดตามรายการทั่วถิ่นแดนไทย ทุกวันเสาร์ เวลา 16.30 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมย้อนหลังได้ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/tuathin">www.thaipbs.or.th/tuathin</a>

บ้านท่าแคลง บ้านท่าแคลง ตำบลสนามไชย อำเภอนายายอาม จังหวัดจันทบุรี มีทรัพยากรธรรมชาติในการท่องเที่ยวที่สวยงาม จุดเด่นอยู่ที่หาดคุ้งวิมาน ชายหาดที่มีชื่อเสียงอีกหาดหนึ่งของจังหวัดจันทบุรี และจุดชมวิวหินโคร่ง จุดที่มีโขดหินเรียงรายแทรกตัวอยู่บนผืนทรายละเอียดและน้ำทะเลใสสะอาด ยามเย็นต้องไปที่หาดเก็บตะวัน ชมแสงสีทองของฟ้าใกล้ค่ำยามพระอาทิตย์ตกขอบฟ้าวิถีชุมชน สุดยอดของดีของชุมชน คือ "กะปิ" ที่ผลิตจากเคยแท้ ๆ นักท่องเที่ยวสามารถทดลองทำกะปิในขั้นตอนสุดท้ายที่เรียกว่า คลุก เคล้า เคย กับครกและสากไม้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ชาวบ้านยังมีการส่งเสริมอาชีพโดยการเพาะต้นอ่อนทานตะวันเพื่อส่งขายในชุมชน และยังมีท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่นักท่องเที่ยวสามารถทำกิจกรรมออกไปขุดหอยปากเป็ดเพื่อนำมาทำอาหาร ส่วนหอยขนาดเล็กที่ติดมาด้วยนั้น จะทำการเหนี่ยวหอยเชิงอนุรักษ์เพื่อนำคืนกลับสู่ทะเล จากนั้นไปต่อที่ฟาร์มหอยนางรม ชมวิธีการสาวหอยนางรม แกะชิมกันแบบสด ๆ อาหารพื้นถิ่น หอยปากเป็ดที่เราขุดมาได้นั้นจะนำไปทำเมนูท้องถิ่นแสนอร่อยอย่าง "ยำหอยปากเป็ดใส่ใบชะพลู" ทานเคียงกับต้นอ่อนทานตะวันที่นำไปผัดกับน้ำมันหอยและกุ้งสด เพิ่มเติมเสริมความอร่อยด้วยน้ำพริกกะปิและผักสด ของดีขึ้นชื่อแห่งชุมชนบ้านท่าแคลง เท่านี้ก็อร่อยแบบเต็ม ๆ มื้อแล้ว ติดตามชมรายการทั่วถิ่นแดนไทย ตอน ความสมบูรณ์สุขของท้องทะเล บ้านท่าแคลง จ.จันทบุรี วันเสาร์ที่ 14 กันยายน 2562 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/Live">www.thaipbs.or.th/Live</a>

ความสมบูรณ์สุขของท้องทะเล บ้านท่าแคลง จ.จันทบุรี

เรียนรู้วิถีไทย : เก็บหอยปากเป็ด

บ้านปากจั่น บ้านปากจั่น ต.ปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง แวดล้อมด้วยภูเขาและป่าไม้ มีแม่น้ำกระบุรีเป็นหัวใจของชุมชน โดยมีการท่องเที่ยวสำคัญคือการล่องแพและพายเรือคายัคชมวิถีถิ่นไทย - เมียนมา ดูวังปลาธรรมชาติที่ชาวไทยและชาวเมียนมาร่วมใจกันดูแล นอกจากการเที่ยวชมธรรมชาติทางสายน้ำแล้ว เมื่อเข้ามาในตัวชุมชนจะพบกับความน่ารักของชาวบ้านที่ยังคงมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย รักษาประเพณีไทย เข้าวัดทำบุญในทุกวันพระ โดยมีวัดสุวรรณคีรี หรือ วัดปากจั่น เป็นศูนย์รวมใจของชาวบ้าน สักการะพระพุทธรูปซึ่งทางประเทศไทยได้อัญเชิญกลับมาจากฝั่งประเทศเมียนมาอาชีพของชุมชน นอกจากการมีอาชีพหลัก คือ การทำเกษตรแล้ว ชาวบ้านบ้านปากจั่นยังมีการประกอบอาชีพที่น่าสนใจ อย่างการเลี้ยงผึ้งโพรงเพื่อบีบน้ำผึ้ง การเลี้ยงแพะเพื่อผลิตนมแพะ การทำปลาดุกร้าซึ่งเป็นของดีของอร่อยของบ้านปากจั่น ให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยว ชิม และซื้อเป็นของฝากกลับไปด้วยของอร่อยห้ามพลาด หากใครที่มาเยือนบ้านปากจั่นแล้วต้องไม่พลาดอาหารพื้นถิ่นอย่าง "หมูฆ้อง" ที่ทำจากหมูสามชั้นต้มกับซีอิ๊วจนเปื่อย หอม ในส่วนปลาดุกร้าที่ทำเองโดยคนในชุมชนนั้น ได้มีการนำมาประกอบอาหารโดยทำเป็นเมนูงบปลาดุกร้า ที่อุดมด้วยเครื่องสมุนไพร นอกจากอาหารคาวที่แสนอร่อยแล้ว ยังมี "ขนมขี้มัน" ขนมโบราณของชาวใต้ ที่นำแป้งและน้ำกะทิมาเคี่ยวจนนุ่มหนึบ ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล จนออกมาเป็นขนมพื้นถิ่นที่ชาวบ้านภูมิใจนำเสนอติดตามชมรายการทั่วถิ่นแดนไทย ตอน สายน้ำสองแผ่นดิน บ้านปากจั่น จ.ระนอง วันเสาร์ที่ 7 กันยายน 2562 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/Live">www.thaipbs.or.th/Live</a>

สายน้ำสองแผ่นดิน บ้านปากจั่น จ.ระนอง

หมู่บ้านแม่ป้อกใน หมู่บ้านแม่ป้อกใน ตำบลศรีวิชัย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เป็นบ้านของพี่น้องชาวปกาเกอะญอ หรือ กะเหรี่ยงโปว์ ที่ยังคงรักษาขนบธรรมเนียม จารีตประเพณีไว้เป็นอย่างดี สิ่งหนึ่งที่เราจะเห็นเป็นเอกลักษณ์ของผู้คนบ้านนี้คือเรื่องของความศรัทธาในพระพุทธศาสนาที่เป็นหนึ่ง ทำให้วัดหนองกวางกลายเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน ในหนึ่งปีจะมีประเพณีสรงน้ำพระธาตุเจดีย์ ที่อารามพระธาตุเจดีย์ ตำบลศรีวิชัย ซึ่งนอกจากพิธีกรรมทางศาสนาแล้ว ยังมีการแสดงพื้นบ้านจากเยาวชนและการประกวดบั้งไฟที่ผู้คนจากทั่วอำเภอลี้ จะร่วมเดินทางเข้ามาประชันกันอีกด้วย กิจกรรมชุมชน ชาวบ้านแม่ป้อกในได้มีปณิธานและตั้งมั่น เพื่อร่วมกันอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ โดยมีการร่วมแรงร่วมใจช่วยกันสร้างฝาย ที่เรียกว่าฝายมีชีวิต นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินป่าให้ผู้ที่รักธรรมชาติได้เข้าไปเดินท่องเที่ยวศึกษาธรรมชาติ จุดเด่นที่น่าสนใจ คือ ส่วนหนึ่งของน้ำตกผาลาด ที่มีแก่งหินธรรมชาติลาดเทลงสู่สายน้ำ เป็นจุดที่ให้นักท่องเที่ยวได้เล่นน้ำอย่างสนุกสนาน ด้านของวิถีชีวิตวัฒนธรรมทางบ้านแม่ป้อกในได้มีกิจกรรมการเรียนรู้ผ้าทอสีสันสดใส โดยใช้อุปกรณ์การทอที่เรียกว่า "กี่เอว" แบบชาวปกาเกอะญอ ให้ผู้มาท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ยังสามารถไปกราบสักการะหลวงพ่อทันใจได้ ที่วัดหนองกวาง ศูนย์รวมใจของชาวบ้านแม่ป้อกในอีกด้วยอาหารพื้นบ้านพื้นถิ่น อาหารรับแขกบ้านแขกเมืองของพี่น้องชาวปกาเกอะญอ ที่ดูคล้ายข้าวต้มทรงเครื่องของคนเมือง เป็นอาหารที่ชาวบ้านมักจะนำมาต้อนรับ นั่นคือ แกงข้าวเบ๊อะ ไม่ว่าไปบ้านไหน หากเป็นพี่น้องชาวปกาเกอะญอเรามักจะได้ลองชิมอาหารเมนูนี้เสมอ ส่วนของว่างก็เป็นการนำวัตถุดิบท้องถิ่นมาทำเป็นขนม เรียกว่า ข้าวต้มตองก๋ง ขนมพื้นเมืองที่ใช้ใบตองก๋ง พืชที่ขึ้นทั่วไปรอบหมู่บ้านมาเป็นวัสดุห่อขนม ซึ่งใครมาแล้วต้องลอง ทั้งลองทำและลองชิม ติดตามชมรายการทั่วถิ่นแดนไทย ตอน แผ่นดินรวมใจ บ้านแม่ป้อกใน จ.ลำพูน วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2562 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/Live">www.thaipbs.or.th/Live</a>

แผ่นดินรวมใจ บ้านแม่ป้อกใน จ.ลำพูน

บ้านซะซอม หมู่บ้านแห่งแสงแรกของประเทศไทย ที่อาบทอไปด้วยวัฒนธรรม "บ้านซะซอม" ตำบลนาโพธิ์กลาง อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่แสนน่ารัก อากาศเย็นสบาย มีลำธารสายน้อยไหลผ่าน กลุ่มการท่องเที่ยวของบ้านซะซอม ได้เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนในบรรยากาศป่าเขาลำเนาไพร อากาศบริสุทธิ์ร่มรื่น โดยหมู่บ้านได้เปิดโฮมสเตย์ หรือ เฮือนพัก ให้นักท่องเที่ยวได้อาศัยอยู่กับเจ้าของบ้าน และร่วมประทานอาหารพื้นถิ่น เพื่อสัมผัสกับวัฒนธรรมของคนในชุมชนอย่างใกล้ชิด ที่เรียกกันว่า กินข้าวเซาเฮือน อีกทั้งยังมีกิจกรรมที่บ่งบอกอัตลักษณ์ของหมู่บ้านให้ได้เยี่ยมชมและศึกษาทดลองปฏิบัติแสงแรกแห่งซะซอม มาถึงบ้านซะซอมแล้ว สิ่งที่ควรทำเพื่อรับวันใหม่ คือ การตักบาตรข้าวเหนียวร่วมกับชาวบ้าน ท่ามกลางแสงแรกของสยามประเทศที่ทออุ่นรับยามเช้า นอกจากนี้ยังมีกลุ่มกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น นั่นคือการทำผ้ามัดย้อมด้วยสีธรรมชาติและผ้าฝ้ายทอมือ ที่มีลวดลายโดดเด่นเป็นหนึ่งเดียวในประเทศ นั่นคือ ลายแสงแรก ที่ชาวบ้านได้แรงบันดาลใจจากแสงทองของรุ่งอรุณในหมู่บ้านตนเอง นอกจากงานหัตถกรรมแล้ว ที่นี่ยังมีฐานแปรรูปข้าวไร่ ดูสาธิตการฝัดข้าวและตำข้าว โดยใช้อุปกรณ์แบบโบราณ มีฐานสมุนไพรที่เปิดให้ผู้สนใจได้มาลองชิมน้ำสมุนไพร และทำความรู้จักกับสมุนไพรพื้นถิ่นชนิดต่าง ๆ และยังสามารถเดินชมสวนสมุนไพรบนสะพานไม้ท่ามกลางธรรมชาติร่มรื่น ส่วนการท่องเที่ยวไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดนั่นคือ ประติมากรรมธรรมชาติจากหินทราย อาทิ เสาเฉลียง โหง่นแต้ม และยังสามารถเดินต่อไปยังถ้ำลายมือผีกองกอย ชมอารยธรรมประวัติศาสตร์ที่มีร่องรอยฝ่ามือสีแดงซึ่งคาดว่าอายุกว่า 4,000 ปีมาแล้ว แซ่บซะซอม ของแซ่บ ของนัว ที่นี่ คือ แกงไก่บ้านใส่ผักไส้ตัน "ผักไส้ตัน" ผักสมุนไพรพื้นบ้านที่ชูรสให้แกงมีรสชาตินัวยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีเมนูซุปผักหนามใส่งา เมนูท้องถิ่นรสกลมกล่อม ที่นิยมรับแขกบ้านแขกเมือง ในส่วนของหวาน ชาวบ้านนำ "มันฮึก" หรือ "มันมือเสือ" ที่ขุดกันเองสด ๆ ในป่าชุมชน มาทำเป็นแกงบวชรสชาติหวานมัน ที่ใครได้ลิ้มลองแล้วต้องติดใจเป็นทุกรายติดตามชมรายการทั่วถิ่นแดนไทย ตอน แสงแรกแห่งสยาม บ้านซะซอม จ.อุบลราชธานี วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม 2562 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/Live">www.thaipbs.or.th/Live</a>

แสงแรกแห่งสยาม บ้านซะซอม จ.อุบลราชธานี

ป่าชุมชน ชุมชนตำบลหนองโรง อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี มีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบและที่ราบเชิงเขา ชาวบ้านทำนา ทำไร่ และเลี้ยงวัวพันธุ์พื้นเมือง โดดเด่นในเรื่องการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ แต่เดิมในพื้นที่เคยเป็นป่าเสื่อมโทรม ชาวบ้านจึงร่วมแรงร่วมใจกันฟื้นฟูป่าด้วยการปลูกต้นไม้นานาชนิดทดแทน จนเกิดเป็นป่าที่หล่อเลี้ยงชีวิตของคนในชุมชน การบริหารจัดการด้วยวิธีจิตอาสารักษาป่าชุมชนและสิ่งแวดล้อม นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการรวมตัวกันทำให้ "ป่าชุมชนบ้านห้วยสะพานสามัคคี" เป็นแหล่งศึกษาดูงานของท้องถิ่นและเครือข่ายป่าชุมชนทั่วประเทศกิจกรรมชุมชน จากป่าชุมชนที่สมบูรณ์ก่อให้เกิดกิจกรรมสร้างสรรค์ที่เป็นประโยชน์ นั่นคือ งานผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากภูมิปัญญาชาวบ้าน อาทิ เครื่องประดับ แหวน กำไล ที่ทำมาจากหวายและเถาวัลย์ทอง ซึ่งมีอยู่มากมายในป่า โดยฝีมือคนเฒ่าคนแก่ในชุมชน ทางด้านการเกษตรและการอนุรักษ์ มีการปลูกพืชผักอินทรีย์ เช่น ผักหวาน และการทำสวนผสมตามแนวพระราชดำริ นอกจากนี้ภายในชุมชนยังมีกิจกรรมสาธิตการทอผ้าขาวม้า การสานเปลไม้ไผ่ การทำข้าวเกรียบสายรุ้งสมุนไพร การแปรรูปตาล เช่น การนำหัวตาลไปทำถ่านใช้ในครัวเรือนตามพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง และนำผลตาลไปทำเป็นขนมต่าง ๆ เช่น ขนมตาล และจาวตาลเชื่อม นอกจากนี้ภายในชุมชนยังมีการแสดงพื้นบ้านอย่าง เพลงเหย่ย เป็นเพลงพื้นบ้านเก่าแก่ที่กำลังจะสูญหายไป ซึ่งคำว่า "เหย่ย" เป็นเสียงที่เพี้ยนมาจากคำว่า "เอย" นิยมเล่นกันในเทศกาลวันสงกรานต์ วันนักขัตฤกษ์ งานมงคล และงานรื่นเริงทั่วไปของชาวบ้าน แต่ในปัจจุบันเยาวชนของบ้านห้วยสะพานสามัคคีและสมาชิกในตำบล ได้อนุรักษ์และต่อยอดโดยนำมาเป็นการแสดงต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในชุมชน ถือเป็นเสน่ห์ทางวัฒนธรรมวิถีชุมชนอีกรูปแบบหนึ่ง และยังมีวัดเขาจำศีล ซึ่งภายในวัดมีโบสถ์เก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย ภายในโบสถ์มีภาพฝาพนังอันสวยงามวิจิตรบรรจง นอกจากนี้ทัศนียภาพธรรมชาติรอบวัดยังอยู่ท่ามกลางแมกไม้เขียวชอุ่มอาหารพื้นบ้านพื้นถิ่น ชาวบ้านตำบลหนองโรงมีอาหารพื้นถิ่นขึ้นชื่อ นั่นคือ น้ำพริกมะสัง ทำจากผลของมะสัง หรือ หมากสัง ที่มีรสเปรี้ยว ชาวบ้านนำมาใช้แทนมะนาว ได้ความอร่อยที่แตกต่างเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ยังมีแกงส้มผักหวานกับปลาย่าง โดยผักหวานนี้เป็นผักหวานอินทรีย์จากสวนของชาวบ้านในชุมชนเอง และที่พลาดไม่ได้นั่นคือ เครื่องดื่มสมุนไพรที่หาทานได้ยาก นั่นคือ "น้ำตะโก" เป็นเครื่องดื่มบำรุงร่างกาย ช่วยให้เจริญอาหาร ที่ชาวบ้านบอกว่าใครมาเยือนชุมชนหนองโรงต้องได้ลิ้มลองติดตามชมรายการทั่วถิ่นแดนไทย ตอน เที่ยวไทยวิถีอนุรักษ์ ชุมชนตำบลหนองโรง จ.กาญจนบุรี วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม 2562 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/Live">www.thaipbs.or.th/Live</a>

เที่ยวไทยวิถีอนุรักษ์ ชุมชนตำบลหนองโรง จ.กาญจนบุรี

วิถีถิ่นบ้านสาขลา บ้านสาขลา ตำบลนาเกลือ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา ก่อนออกสู่ทะเลอ่าวไทย เป็นชุมชนที่เต็มไปด้วยร่องรอยประวัติศาสตร์เรื่อยมา ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น สันนิษฐานว่าในอดีตเคยชื่อ หมู่บ้านสาวกล้า สืบเนื่องจากผู้ชายในหมู่บ้านส่วนใหญ่ถูกเกณฑ์ไปร่วมในสมรภูมิรบศึกสงครามเก้าทับ เพื่อสู้กับกองทัพพม่า สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อเหล่าทหารพม่าเดินทัพผ่านหมู่บ้านแห่งนี้ และได้มีการกวาดต้อนผู้คน ยึดเสบียงอาหาร หญิงสาวที่เหลือในหมู่บ้านจึงพากันหยิบอาวุธที่พอจะหาได้ ลุกขึ้นต่อสู้กับทหารพม่าจนได้รับชัยชนะ และตั้งชื่อหมู่บ้านสาวกล้า นับตั้งแต่นั้นภายหลังจึงเพี้ยนเป็นหมู่บ้านสาขลาจนถึงปัจจุบัน นอกจากเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่เล่าขานกันมาแล้ว ที่นี่ยังคงมีภูมิปัญญาด้านต่าง ๆ หลงเหลืออยู่มากมาย เช่น การแปรรูปผลผลิตที่มีอยู่ในชุมชนให้เกิดประโยชน์ อาทิ ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากลูกจาก ลูกลำแพน และการทำข้าวของเครื่องใช้ก็ยังคงมีให้เห็นได้ที่นี่ เช่น ผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ สามารถเลือกชม เลือกซื้อผลิตภัณฑ์หลายสีจากธรรมชาติ ทั้งสีน้ำตาลจากต้นตะบูนพืชในป่าชายเลน สีชมพูจากเปลือกต้นโพทะเล และสีเหลืองจากดอกดาวเรือง ซึ่งถูกนำมาเย็บปักถักร้อยเป็นผ้าพันคอ กระเป๋า หมวก และอีกมากมายอาหารจากภูมิปัญญา บ้านสาขลา มีของอร่อยรออยู่มากมาย เริ่มต้นกันที่อาหารคาว อย่าง แกงส้มปลาหมอ เป็นเมนูกับข้าวแบบบ้าน ๆ ที่รสชาติจัดจ้าน กินคู่กับกุ้งเหยียดรสชาติหวาน ๆ ตัดกันได้ดีทีเดียว กุ้งเหยียด เป็นการแปรรูปกุ้งเพื่อให้เก็บไว้ได้นานขึ้น โดยนำมาเรียงในหม้อทีละชั้นอย่างเป็นระเบียบ และโรยเกลือโรยน้ำตาลระหว่างชั้น จากนั้นนำมากดทับก่อนนำไปต้มให้สุก จะได้กุ้งเหยียดตัวตรงเปลือกสีแดงแวววาว รสชาติหวานเค็มอร่อย ปิดท้ายด้วยรุ่ยเชื่อม รุ่ย เป็นพืชที่ขึ้นในพื้นที่ดินเลนตื้น เหนียวและแข็ง ตามริมชายฝั่งหรือพื้นที่ที่ถูกเปิดโล่ง โดยชาวบ้านจะนำฟักมาเชื่อม เป็นเมนูของหวานที่หากินที่ไหนไม่ได้ง่าย ๆสุขใจที่บ้านสาขลา ปัจจุบันหมู่บ้านสาขลาเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในกลุ่มนักท่องเที่ยว ด้วยความโด่งดังของวัดสาขลา วัดประจำหมู่บ้านที่เป็นดั่งศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านทุกคน ภายในวัดมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวสาขลา นั่นก็คือหลวงพ่อโตองค์ใหญ่ เป็นพระประธานประดิษฐานอยู่ด้านในโบสถ์ และพระปรางค์เอียงสมัยอยุธยา ที่ถือว่าเป็นแห่งเดียวในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ หลังจากชมภายในวัดแล้วก็สามารถเดินต่อไปที่ตลาดโบราณบ้านสาขลาได้อีกด้วย โดยในส่วนนี้คุณจะได้สัมผัสกับความเก่าแก่ของชุมชนได้อย่างเต็มที่ บ้านเรือนสองฝั่งคลองยังคงโครงสร้างเดิมที่สร้างจากไม้ ร้านค้าและร้านอาหาร ปิดท้ายด้วยการนั่งเรือชมวิถีชีวิตชาวบ้านสาขลา จะทำให้เราได้เรียนรู้และเข้าใจที่นี่มากขึ้นติดตามชมรายการทั่วถิ่นแดนไทย ตอน วิถีถิ่นใกล้กรุง บ้านสาขลา จ.สมุทรปราการ วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม 2562 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/Live">www.thaipbs.or.th/Live</a>

วิถีถิ่นใกล้กรุง บ้านสาขลา จ.สมุทรปราการ

สุขกับธรรมชาติ แบ่งปันทุกความสุขกับการท่องเที่ยวในแบบธรรมชาติ กับการเดินทางที่จะทำให้การท่องเที่ยวเปลี่ยนไป เที่ยวอำเภอบ้านไร่ บ้านสะนำ จังหวัดอุทัยธานี อำเภอที่มีทุกความสุขของคนที่รักการท่องเที่ยว เป็นที่ที่ยังคงมีธรรมชาติที่สวยงาม เราสามารถเดินทางไปเที่ยวชมความสมบูรณ์ของผืนป่าได้ ชมต้นผึ้งที่ใหญ่เท่ากับหลายคนโอบ อายุกว่าสามร้อยปี ใหญ่ถึง 40 คนโอบ แสดงให้เห็นถึงการอนุรักษ์และการรักษาของชาวบ้านที่ทำให้เราได้เห็นต้นไม้ใหญ่แบบนี้ยังคงอยู่ ท่ามกลางป่าหมากที่โอบล้อม นอกจากนั้นเรายังไปเที่ยวชมถ่ายรูป เช็กอินสวย ๆ ได้ที่จุดชมวิววัดเขาหินตั้ง ที่สามารถมองวิวสวย ๆ ได้ในมุม 180 องศาวิถีชีวิตพื้นถิ่น กินอยู่แบบง่าย ๆ อำเภอบ้านไร่มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ทำให้อำเภอนี้เป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วยการเปิดเป็นที่พักบ้านสะนำโฮมสเตย์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเรียนรู้วิถีชีวิตการกิน การอยู่ ชาวบ้านที่นี่เขาอยู่กันอย่างไร มาทำอาหารกินกันด้วยวัตถุดิบที่มาจากริมรั้ว และพืชผักที่ปลูกกันเอง ส่วนใหญ่เป็นอาหารแบบดั้งเดิมที่ทำกินมาตั้งแต่รุ่นปู่ ย่า เช่น แจ่วร้อยสำนัก แกงไก่ใส่หยวกกล้วย ผักต้มปลาร้า เป็นความอร่อยที่เข้าถึงในแบบวิถีถิ่นจริง ๆ หากมาแล้วต้องลองทำกินสักครั้ง ของฝากของดีที่ใช้ใจทำ เมื่อพูดถึงของฝากของดี บ้านไร่ก็มีของสวยงามให้เลือกซื้อและเข้าไปเรียนรู้เช่นกัน นั่นคือ ผ้าทอที่ย้อมจากสีจากวัตถุดิบธรรมชาติที่หาได้ในพื้นที่ เช่น ลูกหมาก ทั้งยังสามารถนำผ้าทอมาดัดแปลงเป็นสินค้าของฝากได้อย่างหลากหลาย เช่น พวงกุญแจ เสื้อ กระเป๋า ผ้าคลุมไหล่ เป็นของฝากที่ต้องใช้ทั้งใจและจินตนาการ ผู้ซึ่งรักในงานหัตถกรรมไม่ควรพลาดติดตามชมรายการทั่วถิ่นแดนไทย ตอน สุขนี้ที่สะนำ จ.อุทัยธานี วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม 2562 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/Live">www.thaipbs.or.th/Live</a>

สุขนี้ที่สะนำ จ.อุทัยธานี

ผ้าไหมบ้านสวาย บ้านสวาย อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ หนึ่งในชุมชนที่มีอารยธรรมเก่าแก่ และแหล่งผลิตผ้าไหมที่ใช้ศิลปะวิทยาการที่ได้รับการถ่ายทอดสืบต่อกันมาแต่โบราณ โดยเป็นอาชีพเสริมสำหรับผู้หญิงในชุมชน ที่วันนี้กลายเป็นมรดกอันล้ำค่าในฐานะงานศิลปหัตถกรรมที่สืบทอดต่อกันมาจากบรรพบุรุษ ปัจจุบันบ้านสวาย เป็นชุมชนทอผ้าที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสุรินทร์ มีการอนุรักษ์วิถีทอผ้าใต้ถุนเรือน รวมถึงลวดลายที่สวยงาม เช่น ลายลูกแก้ว ลายมัดหมี่ ลายรูปช้าง ลายดอกมะเขือ จากการทอผ้าใต้ถุนบ้านนำไปสู่การเกิดขึ้นของตลาดไหมใต้ถุนเรือน ซึ่งตลาดแห่งนี้จะขึ้นเฉพาะกิจเท่านั้น จะเปิดขายเมื่อมีคนต้องการจะซื้อผ้าหรือมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในหมู่บ้าน ชาวบ้านจะถือผ้าคนละผืนสองผืนเพื่อมาวางขายกันที่นี่ ไม่ได้มีวันเวลาขายที่ตายตัว และใช้เวลาในการนัดหมายเพื่อเปิดตลาดเพียง 30 นาทีเท่านั้น นี่ถือว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของตลาดแห่งนี้ อาหารวิถีถิ่นบ้านสวาย บ้านสวาย เป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านที่มีอาหารการกินที่อุดมสมบูรณ์ มีอาหารผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนให้ได้กินได้ตลอดทั้งปี อย่างเมนูแกงปูนา เป็นเมนูที่ถือว่าถ้าได้ชิมแล้ว สัมผัสได้ถึงรสชาติความเป็นอาหารอีสานอย่างแน่นอน เมนูนี้ต้องนำปูนามาตำให้ละเอียด แล้วกรองเอาเฉพาะน้ำปูเท่านั้น มาแกงกับมะละกอและผักแขยง เมนูนี้จึงมีรสหอมจากน้ำปูและผักแขยง อีกหนึ่งเมนูคือ แกงกล้วย เป็นเมนูแกงกะทิลูกกล้วยกับเนื้อไก่แล้วตามด้วยวุ้นเส้น ถือว่าเป็นเมนูแกงกะทิที่ต้องลิ้มลองให้ได้ ปิดท้ายด้วยของหวาน ขนมดอกบัวหรือขนมโชก เป็นขนมพื้นบ้านแบบไทย ๆ ที่อยู่คู่จังหวัดสุรินทร์มายาวนาน ชาวบ้านพื้นถิ่นเรียกขนมนี้ว่าขนมโชกหรือขนมบัว ด้วยลักษณะที่คล้ายใบบัวมีสีเขียวอ่อน ๆ ท่องเที่ยวสายบุญ บ้านสวายมีสถานที่สำคัญให้ท่องเที่ยวกันหลายสถานที่ อาทิ พระดินปั้นพันปี วัดตาตอมจอมสวาย พระพุทธรูปที่ปั้นด้วยดินที่มีอายุเก่าแก่และมีสภาพสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย เรื่องเล่ากันว่าผู้ใดที่สร้างบ้านเรือนอยู่ทางด้านหน้าของพระพุทธรูปองค์นี้ต้องรักษาศีล 5 เป็นอย่างดี ไม่เช่นนั้นแล้วจะมีเหตุให้ต้องย้ายถิ่นฐานบ้านเรือนออกไป อีกหนึ่งสถานที่คือ วนอุทยานพนมสวาย สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์วัฒนธรรม ที่มีร่องรอยอารยธรรมของชาวขอมโบราณ หลอมรวมกลายเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางพุทธศาสนาที่มีชื่อเสียง สถานที่เหล่านี้ต้องแวะเวียนไปสักครั้งติดตามชมรายการทั่วถิ่นแดนไทย ตอน สู่เส้นทางไหม บ้านสวาย จ.สุรินทร์ วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม 2562 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/Live">www.thaipbs.or.th/Live</a>

สู่เส้นทางไหม บ้านสวาย จ.สุรินทร์

วิถีแห่งความสุข บ้านทรายขาว อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี เป็นชุมชนที่มีทุนทางทรัพยากรสูง มีความอุดมสมบูรณ์ และความงดงามทางธรรมชาติที่ประกอบด้วย น้ำตกทรายขาว ที่มีน้ำใสไหลเย็นตลอดปี ชุมชนยังร่วมใจกันสร้างกิจกรรมที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวที่หลากหลาย ที่นี่ยังมีโฮมสเตย์ที่แสดงวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและให้ความรู้สึกเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน เสน่ห์ของการเดินทางท่องเที่ยวภายในชุมชนทรายขาวที่ทุกคนจะได้สัมผัสคือ การนั่งรถ Jeep สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของพื้นที่ ในชุมชนมีผลิตภัณฑ์มากมายที่บ่งบอกถึงความเป็นจังหวัดปัตตานี เช่น ส้มแขกแปรรูป ส้มแขกเป็นพืชท้องถิ่นนิยมปลูกกันในภาคใต้ เนื่องจากผลของส้มแขกจะมีรสเปรี้ยว คนใต้จึงนิยมนำมาเป็นส่วนประกอบในอาหาร หรือจะเป็นกล้วยเส้น กล้วยเส้นเกิดจากเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ในชุนชนประสบปัญหาราคากล้วยตกต่ำ ชาวบ้านจึงได้มีการนำมาแปรรูปเป็นกล้วยเส้นเพื่อเพิ่มมูลค่า อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นของที่นี่คือ ผ้าทอจวนตานี ซึ่งเป็นผ้าทอโบราณของจังหวัดปัตตานี เป็นผ้าที่มีเอกลักษณ์ลวดลายการถักทอเฉพาะถิ่น หากพูดถึงจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภาพความรุนแรงคงอยู่ในภาพจำของใครหลายคน แต่หากได้มาสัมผัสชุมชนบ้านทรายขาวแล้ว ภาพจำเหล่านั้นคงเลือนหายไป คงเหลือไว้แต่ภาพของความสุขและความงดงามชมมัสยิด ไหว้พระ เล่นน้ำตก บ้านทรายขาว มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งสถานที่สำคัญทางศาสนาและธรรมชาติอันสวยงาม สถานที่แรกเป็นสถานที่ บ่งบอกถึงความรักและความสามัคคีระหว่างคนสองศาสนาคือ มัสยิดนัจมุดดินชุมชนทรายขาว เดิมชื่อสุเหร่าบาโงยลางา เป็นศาสนสถานเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ที่มีการก่อสร้างแบบผสมผสาน ระหว่า สถาปัตยกรรมแบบไทยและสถาปัตยกรรมของมุสลิม ทำให้มัสยิดแห่งนี้มีลักษณะคล้ายกับศาลาเปรียญ อีกหนึ่งสถานที่คือ เขาทรายขาวอันเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาสันกาลาคีรี ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญแห่งหนึ่ง มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่สีทองอร่ามสูง 28 เมตร ประดิษฐานโดดเด่นเห็นแต่ไกลคือ พระพุทธมหามุนินทโลกนาถ หรือ พระพุทธรูปปางยมกปาฏิหาริย์ และที่นี่ยังมีน้ำตกที่สวยงามน้ำเย็นสบายตลอดทั้งปีอาหารในถิ่นสุข มาถึงจังหวัดปัตตานีทั้งทีต้องได้ลิ้มลองรสชาติอาหารใต้ ที่มีรสชาติจัดจ้าน อย่างแกงไก่กับหยวกกล้วย เป็นเมนูแกงกะทิที่มีรสชาติเผ็ดร้อน จากเครื่องแกงแบบคนใต้ รสชาติความหวานจากกะทิและหยวกกล้วย ผสมผสานกันแล้วทำให้แกงกะทิมีรสชาติที่กลมกล่อมขึ้น อีกหนึ่งเมนูที่ไม่ควรพลาดคือ ยำส้มแขก ส้มแขกเป็นพืชท้องถิ่นนิยมปลูกกันในภาคใต้ ส้มแขกจะมีรสเปรี้ยว คนใต้จึงนิยมนำมาเป็นส่วนประกอบในอาหาร ยำส้มแขกแบบคนใต้ ต้องมีมะพร้าวคั่วและหัวกะทิเป็นส่วนประกอบ เมื่อนำมายำรวมกันแล้วทำให้ได้รสชาติเปรี้ยวนำ หวานตาม และมีความมันของหัวกะทิ ทั้งสองเมนูหากมาถึงที่นี่ไม่ควรพลาดติดตามชมรายการทั่วถิ่นแดนไทย ตอน เสน่ห์งามชายแดนใต้ บ้านทรายขาว จ.ปัตตานี วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม 2562 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/Live"></a><a href="http://www.thaipbs.or.th/Live">www.thaipbs.or.th/Live</a>

เสน่ห์งามชายแดนใต้ บ้านทรายขาว จ.ปัตตานี

วิถีธรรมชาติบ้านอ่าวคราม บ้านอ่าวคราม อำเภอสวี จังหวัดชุมพร เป็นชุมชนชาวประมงริมทะเล มีชาวบ้านอาศัยอยู่เพียง 20 กว่าครัวเรือน อยู่กันแบบฉันพี่น้อง ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพประมงพื้นบ้าน ดำรงวิถีชีวิตอยู่กับธรรมชาติและท้องทะเล ตั้งแต่บรรพบุรุษราว 100 กว่าปีมาแล้ว และด้วยมนต์เสน่ห์แห่งวิถีชาวเลที่โดดเด่นด้วยการสืบสานภูมิปัญญาพื้นบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ กับการร่วมรักษาทรัพยากรชายฝั่งให้ดำรงอยู่ต่อไป ที่นี่จึงได้มีการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวชุมชนในรูปแบบโฮมสเตย์ขึ้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีทางเลือกสำหรับการพักในราคาย่อมเยา ควบคู่ไปกับการเปิดประสบการณ์ใหม่ ได้ทำกิจกรรมท่องเที่ยวเรียนรู้ในวิถีชุมชนอันโดดเด่นของชาวบ้าน ในยามค่ำคืนมีกิจกรรมพาไปชมการยกบาม หรือ อวนหมึกที่เป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวของบ้านอ่าวคราม ดำน้ำดูปะการัง เกาะกุลา เป็นอีกหนึ่งเกาะที่หากมาถึงบ้านอ่าวครามต้องแวะไปเยี่ยมชม เพราะอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน ที่นี่มีหาดทรายขาวน้ำใสจนเห็นปะการังและฝูงปลา สามารถดำน้ำชมปะการังได้จากชายหาด นอกจากการดำน้ำตื้น ยังมีกิจกรรมพายเรือคายัค ซึ่งสามารถพายเรือรอบเกาะได้ภายในเวลาชั่วโมงครึ่ง เกาะกุลายังมีบ่ออนุบาลเต่าทะเล เพราะจะมีเต่ามาวางไข่บนเกาะกุลาอยู่บ่อยครั้ง เจ้าหน้าที่จึงจัดทำบ่ออนุบาลเต่ากระและปล่อยลงสู่ทะเล เพื่อเป็นการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ทะเลไว้ให้คงอยู่ต่อไปอาหารทะเลสด ๆ จากอ่าวคราม มาถึงบ้านอ่าวคราม ก็คงไม่พ้นต้องได้ลิ้มลองอาหารทะเลสด ๆ เพราะทะเลที่นี่ยังคงมีความอุดมสมบูรณ์ การทำประมงพื้นบ้านจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย เมนูที่คนบ้านอ่าวครามภูมิใจนำเสนอก็คือ เมนู "แกงกะทิผักเหลียงกุ้งสด" ผักเหลียงถือว่าเป็นพืชพื้นถิ่นทางภาคใต้ สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู อย่างเมนูแกงกะทิผักเหลียงกุ้งสด เป็นเมนูแกงกะทิที่ได้ความหวานกลมกล่อมพอดีจากกะทิ ผักเหลียงและกุ้งสด อีกหนึ่งเมนูคือ "หมึกน้ำดำ" เป็นเมนูง่าย ๆ ที่คนที่นี่ทำกินกันเป็นประจำ หากอยากรู้ว่ารสชาติจะอร่อยแค่ไหนต้องมาลิ้มลองที่บ้านอ่าวคราม จังหวัดชุมพรติดตามชมรายการทั่วถิ่นแดนไทย ตอน อ่าวครามที่หลงรัก บ้านอ่าวคราม จ.ชุมพร วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม 2562 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/Live">www.thaipbs.or.th/Live</a>

อ่าวครามที่หลงรัก บ้านอ่าวคราม จ.ชุมพร

ถิ่นสุขบ้านบางสระเก้า ชุมชนท่องเที่ยวบ้านบางสระเก้า อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี เป็นอีกหนึ่งชุมชนที่มีความงดงามของฝั่งทะเลอ่าวไทย ที่นี่เต็มไปด้วยความประทับใจและน้ำใจไมตรีของชาวบ้าน ประกอบกับความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ชุมชนได้ต่อสู้กับปัญหาการเสื่อมโทรมของธรรมชาติมาอย่างยาวนาน จนกระทั่งได้จัดตั้งบ้านปลา ธนาคารปู ศูนย์การเรียนรู้ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขึ้น เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องทะเลหน้าบ้าน ให้มีกินมีใช้ได้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด จนทุกวันนี้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชนดีขึ้น ไม่ต้องออกเรือหาปลาไกลมาก แค่ออกใกล้ ๆ ก็พออยู่พอกินแล้ว บ้านบางสระเก้ายังเป็นแหล่งทอเสื่อกกแหล่งใหญ่ของเมืองจันทบุรี ซึ่งที่นี่ได้นำต้นกกมาทอเสื่อและผลิตเป็นข้าวของเครื่องใช้ประเภทต่าง ๆ เป็นแหล่งจำหน่ายและสร้างผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของจันทบุรี หากมาที่นี่จะได้รู้และเห็นกระบวนการทั้งหมด นับตั้งแต่การย้อมสีสันต่าง ๆ ของกกและการเตรียมก่อนทอ นอกจากวิถีประมงพื้นบ้านและการทอเสื่อกกแล้ว ชาวบ้านยังคงมีความรู้เรื่องสมุนไพรจนนำมาพัฒนาเป็นการอบสมุนไพรให้กับผู้ที่มาเยือน ช่วยบำบัดในเรื่องอาการเมื่อยล้า หรือ อาการนอนไม่หลับ บ้านบางสระเก้าอีกหนึ่งชุมชนที่มีวิถีที่งดงามรอคอยผู้มาเยือนบ้านปลา ธนาคารปู บ้านบางสระเก้า เป็นชุมชนที่ร่วมกันดูแลธรรมชาติไว้ได้เป็นอย่างดี เพื่อความยั่งยืนในการทำมาหากินของคนในชุมชนเอง กิจกรรมหนึ่งที่หากเดินทางมาถึงที่นี่คือ การชมธนาคารปูไข่นอกกระดอง นอกจากได้ชม ได้เรียนรู้การอนุบาลปูไข่นอกกระดองแล้ว ยังสามารถร่วมกันเขี่ยไข่ปูเพื่อเตรียมเพาะเลี้ยงและปล่อยกลับสู่ธรรมชาติต่อไป ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของที่นี่กิจกรรมที่สามารถทำได้อีกหนึ่งกิจกรรมคือ การเก็บหอยพอกและงมกุ้ง ซึ่งหอยพอกและกุ้งสามารถหาได้ง่าย ๆ ตามป่าชายเลนในชุมชน โดยที่ไม่ต้องออกเรือไปไหนไกลจากชุมชนชิมแกงดั้งเดิมของอร่อยบางสระเก้า มาถึงบ้านบางสระเก้าคนที่นี่มีเมนูอาหารอร่อย ๆ ไว้รอต้อนรับมากมาย เพราะฝีมือการทำอาหารของคนที่นี่ถือว่าอยู่ในระดับที่อร่อยมาก อย่างเมนูแกงเป็ดกะลามะพร้าวอ่อน แค่ชื่อก็รู้แล้วว่าหากินที่ไหนไม่ได้ง่าย ๆ เมนูนี้เป็นเมนูแกงที่มีรสชาติเผ็ดร้อน วัตถุดิบหลักอย่างกะลามะพร้าวอ่อน เป็นตัวที่ทำให้แกงชามนี้มีความพิเศษและอร่อย อีกหนึ่งเมนูที่วัตถุดิบเป็นปลาทะเลสด ๆ จากท้องทะเลหน้าบ้าน คือ เมนูปลาเงี่ยน เป็นเมนูคล้ายเมี่ยงปลาทั่วไป แต่ความอร่อยอยู่ที่น้ำพริกถั่วและการกินคู่กับใบชะพลู ที่ได้ชื่อว่าเมนูปลาเงี่ยน เพราะหากได้กินแล้วจะมีความรู้สึกอยากกินอีกจนหยุดไม่ได้ติดตามชมรายการทั่วถิ่นแดนไทย ตอน สุขไม่รู้ลืม บ้านบางสระเก้า จ.จันทบุรี วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม 2562 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/Live">www.thaipbs.or.th/Live</a>

สุขไม่รู้ลืม บ้านบางสระเก้า จ.จันทบุรี

มาเรียนรู้วิธีการทำ "เสื่อกกจันทบูร" ที่ไม่ได้ทำง่าย ๆ เพราะแต่ละขั้นตอนต้องมีความพิถีพิถัน และอาศัยความชำนาญ นอกจากจะทอเป็นผืนแล้ว ยังสามารถนำไปต่อยอดได้อีกด้วย ติดตามรายการทั่วถิ่นแดนไทย ทุกวันเสาร์ เวลา 16.30 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมย้อนหลังได้ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/tuathin">www.thaipbs.or.th/tuathin</a>

​เรียนรู้วิถีไทย : เสื่อกกจันทบูร

วิถีถิ่นปกาเกอะญอบ้านผาหมอน บ้านผาหมอน อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ของชาวปกาเกอะญอ ตั้งอยู่กลางหุบเขารายล้อมไปด้วยธรรมชาติ สิ่งที่โดดเด่นของบ้านผาหมอน คือ บ้านพักแบบส่วนตัวหรือโฮมสเตย์ชุมชน เป็นบ้านที่อยู่บนสันดอย มองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม ตกแต่งได้อย่างลงตัว ยังคงไว้ซึ่งธรรมชาติที่แสนสงบและงดงาม ชาวปกาเกอะญอที่นี่โดยส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร จึงทำให้มีแปลงเกษตรที่ปลูกอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มาถึงที่นี่ต้องได้สัมผัสวิถีชีวิตประจำวันของชาวปกาเกอะญอ เช่น การทอผ้า ดูแปลงเกษตรปลอดสาร แปลงดอกไม้ ผลไม้เมืองหนาว เช่น กุหลาบ เยอร์บีร่า และมะเขือเทศ สามารถทดลองคั่วและบดกาแฟ พร้อมทั้งลิ้มลองรสชาติกาแฟชาวปกาเกอะญอ บ้านผาหมอนสถานที่ท่องเที่ยวที่เน้นการเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวปกาเกอะญอที่ผูกพันกับธรรมชาติ ผ่านการพูดคุยแลกเปลี่ยนกับคนในชุมชน รวมถึงเรียนรู้ผ่านอาหารพื้นบ้านรสเยี่ยม ที่ปรุงด้วยพ่อครัว แม่ครัวในชุมชนก็ได้เช่นกันอร่อยแบบดั้งเดิมด้วยสมุนไพร บ้านผาหมอนรายล้อมไปด้วยผืนป่าและธรรมชาติ แน่นอนว่าผืนป่าคือพื้นที่ในการหาอยู่หากินของชาวบ้าน เพราะฉะนั้นเมนูอาหารของที่นี่ ก็คงไม่พ้นเรื่องของอาหารที่มาจากป่า อย่างเมนูห่อหมกสมุนไพร เป็นเมนูที่ได้วัตถุดิบมาจากป่าทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรต่าง ๆ ที่นำมาผสมผสานกันจนได้เป็นห่อหมกสมุนไพรที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ อีกหนึ่งเมนู คือ หมูไก่หมักสมุนไพร เมนูนี้เป็นเมนูง่าย ๆ แต่สูตรลับอยู่ตรงที่สมุนไพรของชาวปกาเกอะญอ ที่นำมาหมักเนื้อหมู หรือ เนื้อไก่ให้เข้าเนื้อ ก่อนนำไปย่างบนไฟอ่อน ๆ รับรองว่าทั้งสองเมนูนี้ได้รสชาติความเป็นชาวปกาเกอะญอแน่นอนชมธรรมชาติความสมบูรณ์ของผืนป่า ในผืนป่าอันกว้างใหญ่ยังคงมีธรรมชาติเล็ก ๆ ที่สวยงามซ่อนตัวอยู่ บ้านผาหมอนมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติมากมาย หากต้องการชมทั้งธรรมชาติและวิถีชีวิตไปด้วยกัน ก็เดินเที่ยวชมเพื่อซึมซับบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป หลังจากเดินเล่นเพลิน ๆ ในหมู่บ้านแล้ว เราออกไปตามเส้นทางธรรมชาติจะพบกับน้ำตกเล็ก ๆในหมู่บ้าน ที่มีความสวยงามร่มรื่นและเย็นสบาย น้ำตกแห่งนี้ยังไม่เป็นที่รู้จัก หากแต่ความสมบูรณ์และงดงามของธรรมชาตินั้น สวยงามไม่แพ้ที่ไหน จึงไม่ควรพลาดที่จะไปเที่ยวชมติดตามชมรายการทั่วถิ่นแดนไทย ตอน มากกว่าคำว่าสุข เสน่ห์บ้านผาหมอน จ.เชียงใหม่ วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน 2562 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/Live"></a><a href="http://www.thaipbs.or.th/Live">www.thaipbs.or.th/Live</a>

มากกว่าคำว่าสุข เสน่ห์บ้านผาหมอน จ.เชียงใหม่

บ้านดอนตะโหนด อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี เป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านที่น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้จนทำให้คุณภาพชีวิตของคนในชุมชนดีขึ้น สามารถพึ่งพาตนเองได้ ชาวบ้านที่นี่ทำการเกษตรแบบผสมผสาน เพื่อให้เกิดรายได้จากหลายช่องทาง เน้นการเพาะปลูกแบบอินทรีย์ ในชุมชนยังมีปราชญ์ด้านต่าง ๆ อยู่หลายคน อย่างปราชญ์ด้านขนมไทย ได้นำผลผลิตจากการทำการเกษตรมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มากมาย เช่น ขนมกระยาสารทข้าวไรซ์เบอรี่ เป็นข้าวไรซ์เบอรี่ที่ปลูกกันเองภายในชุมชน และขนมเม็ดขนุนไส้แฟง เป็นการปรับใช้สิ่งที่มีในชุมชนมา ใช้ได้อย่างลงตัวและยังช่วยเพิ่มความแปลกใหม่ให้กับขนมและยังได้รสชาติที่อร่อยไม่เหมือนใครอีกด้วย ในหมู่บ้านยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น ไม้กวาดก้านมะพร้าว ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านทั้งสิ้นกินทุกอย่างที่ปลูก บ้านดอนตะโหนด เป็นหมู่บ้านการเกษตรเรื่องอาหารการกินหาได้ง่าย ๆ เพราะมองไปทางไหนก็มีแต่ของกินได้ทั้งนั้น อย่างใบขี้เหล็กที่หาเก็บได้จากริมรั้วข้างบ้าน นำมาทำแกงขี้เหล็กใส่ปลาย่าง หรือ เนื้อย่าง เป็นอาหารพื้นบ้านที่อร่อยและยังได้ประโยชน์จากใบขี้เหล็กอีกด้วย อีกหนึ่งเมนูก็เป็นเมนูแกงเช่นกัน คือ แกงบอน บอนเป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่ง ขึ้นได้ดีตามที่ลุ่มริมน้ำ นำมาแกงคู่กับเนื้อหมู น้ำแกงจะได้ทั้งความหวานและกรอบของบอน สองเมนูแกงพื้นบ้านที่มาถึงบ้านดอนตะโหนดแล้วห้ามพลาด ต้องลองชิมกันให้ได้ไหว้พระวัดโพธิ์เก้าต้น มาถึงบ้านดอนตะโหนด จังหวัดสิงห์บุรี ต้องแวะไปวัดโพธิ์เก้าต้น หรือ วัดไม้แดง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงหมู่บ้าน ตั้งอยู่ตรงข้ามกับอนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน จุดเด่นวัดโพธิ์เก้าต้น คือ สัญลักษณ์กำแพงวัด ที่สร้างจำลองกำแพงค่ายบางระจัน เพราะวัดนี้เดิมเป็นฐานที่มั่นของชาวบ้านบางระจัน ซึ่งเคยเป็นสถานที่ที่วีรชนชาวบ้านบางระจันได้เคยใช้เป็นที่มั่นในการต่อต้านพม่าที่ยกกองทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาเมื่อปี พ.ศ. 2308 ภายในวัดมีวิหารพระอาจารย์ธรรมโชติ รังสี ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของชาวสิงห์บุรีมาอย่างช้านานติดตามชมรายการทั่วถิ่นแดนไทย ตอน ถิ่นสุข บ้านดอนตะโหนด จ.สิงห์บุรี วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน 2562 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง <a href="http://www.thaipbs.or.th/Live"></a><a href="http://www.thaipbs.or.th/Live">www.thaipbs.or.th/Live</a>

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง "ทั่วถิ่นแดนไทย"